xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 13-19 ก.ค.2551

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทหารกัมพูชาถืออาวุธหนักลาดตระเวนใกล้ปราสาทพระวิหาร(16 ก.ค.)
คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ

1. ชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียด หลังทั้ง 2 ฝ่ายต่างอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ทับซ้อน “พระวิหาร”!

กระแสไม่พอใจของคนไทยต่อกรณีปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตามที่กัมพูชาเสนอ เริ่มตึงเครียดขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณเขาพระวิหาร หลังทหารกัมพูชาเสริมกำลังพร้อมอาวุธหนักเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อนที่ต่างฝ่ายต่างยืนยันว่าเป็นพื้นที่ของตน ทั้งนี้ ชนวนเหตุที่ทำให้สถานการณ์ลุกลามไม่น่าไว้วางใจเกิดขึ้นเมื่อทหารกัมพูชาจับตัวคนไทยในกลุ่มธรรมยาตรา 3 คนที่ไปนั่งวิปัสสนาปฏิบัติธรรมอยู่บริเวณหน้าประตูเหล็กทางขึ้นปราสาทพระวิหารเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกรณีรัฐบาลไทยลงนามในแถลงการณ์ร่วมฯ สนับสนุนกัมพูชาเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เพียงฝ่ายเดียว ทำให้ไทยสูญเสียอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร โดย 3 คนไทยถูกจับเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ประกอบด้วย นายวิชาญ ทับซ้อน ,นางชนิกานต์ เก่งนอก และพระคำพอง ฐิติธรรมโม สำหรับบริเวณที่ถูกจับ เป็นพื้นที่ทับซ้อนที่หากยึดหลักสันปันน้ำในการแบ่งเขต จะถือว่าเป็นพื้นที่ของไทย แต่มีชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งเข้ามารุกล้ำตั้งชุมชนอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว หลัง 3 คนไทยถูกจับ ฝ่ายไทย นำโดย พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้นำทีมไปเจรจากับทหารกัมพูชา จนมีการปล่อยตัว 3 คนไทยในที่สุด อย่างไรก็ตาม ระหว่างรอทหารกัมพูชาปล่อยตัว 3 คนไทย ได้มีทหารไทย 1 นายที่กำลังลาดตระเวนในพื้นที่ใกล้เคียงเดินไปเหยียบกับระเบิดที่ฝังอยู่บริเวณภูมะเขือ ซึ่งอยู่ด้านทิศเหนือของปราสาทพระวิหารประมาณ 3 กม.จนขาขวาขาด ทราบชื่อคือ ทพ.วิไล อารมณ์ อายุ 48 ปี เป็นทหารสังกัดกองร้อย ทพ.2301 กรมทหารพรานที่ 23 ด้าน พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้แสดงความข้องใจว่า ทหารกัมพูชามีสิทธิจับคนไทยในพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ ขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม นอกจากจะไม่เห็นใจ 3 คนไทยที่ถูกจับแล้ว ยังเรียก 3 คนไทยดังกล่าวว่า ไอ้บ้า พร้อมหาว่า ไอ้บ้า 3 ตัวอยากให้มีเรื่อง จึงโผล่เข้าไปให้เขาจับ เหมือนกับไอ้ที่มันยึดตามถนนเพื่อจุดชนวนหาเรื่องให้ทหารออกมาปฏิวัติ... ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ทหารกัมพูชาจับ 3 คนไทย ส่งผลให้สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ อึมครึมไม่น่าไว้วางใจ เพราะต่างฝ่ายต่างตรึงกำลังทหารของตนบริเวณดังกล่าวในลักษณะพร้อมเผชิญหน้า ขณะที่ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประมาณ 4 พันคนนำโดยนายวีระ สมความคิด ได้เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเมื่อวันที่ 17 ก.ค.เพื่อประกาศว่า อธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบยังเป็นของไทย อย่างไรก็ตาม ขบวนของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ถูกสกัดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านส่วนหนึ่ง ซึ่งมีข่าวว่าเป็นเครือข่ายของ นปก.โดยทำการปิดถนน(ช่วงหลัก กม.87 บ้านภูมิซรอล)เพื่อไม่ให้พันธมิตรฯ เข้าถึงเขาพระวิหารได้ ด้านเจ้าหน้าที่ให้นายวีระเจรจากับชาวบ้านเพื่อเปิดทาง แต่นอกจากจะไม่สำเร็จแล้ว ทางกลุ่มชาวบ้านยังได้นำท่อนไม่เข้าขว้างปากลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้เกิดการตะลุมบอนกันขึ้น ส่งผลให้กลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งหญิงและชายได้รับบาดเจ็บนับสิบราย ขณะที่กลุ่มต่อต้านบาดเจ็บ 3 ราย นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ซึ่งสุดท้าย กลุ่มต้านพันธมิตรฯ ได้ยอมถอยออกไป เมื่อกลุ่มพันธมิตรฯ ฝ่าด่านสกัดไปถึงบริเวณบันไดทางขึ้นปราสาทพระวิหารได้สำเร็จ นายวีระได้อ่านคำประกาศทวงคืนดินแดนและอธิปไตยของไทยเหนือปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ โดยยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทยโดยยึดแนวเขตปักปันสันปันน้ำของคณะทำงานร่วมฝรั่งเศสและสยามประเทศ พ.ศ.2447 พร้อมย้ำว่า รัฐบาลและประชาชนไทยไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505 ที่พิพากษาอย่างไม่เอกฉันท์ว่า ตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา พร้อมกันนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ ยังได้ขอให้รัฐบาลกัมพูชานำประชาชนที่รุกล้ำอธิปไตยของไทยออกจากดินแดนของไทยที่ถูกอ้างว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนด้วย ด้านสมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา ได้ส่ง จม.ถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ไทย(17 ก.ค.) โดยเรียกร้องให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ พร้อมชี้ว่า การเผชิญหน้ากันที่ปราสาทพระวิหารเป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะการที่ไทยยังคงเพิ่มกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่และการปรากฏตัวของกลุ่มประท้วงไทย ขณะที่นายสมัคร ได้มี จม.ตอบนายกฯ กัมพูชาเมื่อวันที่ 18 ก.ค.โดยยืนยันว่า รัฐบาลไทยต้องต้องการแก้ไขสถานการณ์บริเวณพื้นที่ที่ติดกับปราสาทพระวิหารโดยสันติวิธีและเป็นธรรม โดยมอบหมายให้ ผบ.สส.(พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์) นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee : GBC) สมัยพิเศษ ที่เลื่อนมาประชุมเร็วขึ้น จากเดิมเดือน ส.ค.มาเป็นวันที่ 21 ก.ค.นี้ ที่ จ.สระแก้ว นายสมัคร ยังยืนยันใน จม.ที่ตอบสมเด็จฮุนเซนด้วยว่า พื้นที่บริเวณวัดแก้วสิขเรศวรอยู่ในดินแดนของไทย การที่ชาวกัมพูชาขึ้นไปสร้างวัดและที่อยู่อาศัย รวมทั้งมีทหารกัมพูชาอยู่ด้วยนั้น ถือว่าได้ละเมิดอธิปไตยและดินแดนของไทย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลได้ทำการประท้วงฝ่ายกัมพูชาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรมาแล้ว 4 ครั้ง(ในปี 2547 ,2548 ,2550 ,2551) จม.ของนายสมัคร ยังระบุด้วยว่า ฝายไทยเห็นว่าการที่กัมพูชาเพิ่มกำลังทหารจาก 200 นายเป็นกว่า 1,000 นาย ได้ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น จึงขอเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจและเร่งรัดให้คณะกรรมการชายแดนทั่วไปหารือโดยเร็วเพื่อสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตลอดแนวระหว่างทั้งสองประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้ขึ้นอีก ทั้งนี้ นอกจากนายสมัครได้แสดงจุดยืนของไทยใน จม.ตอบนายกฯ กัมพูชาแล้ว ยังได้ให้กระทรวงการต่างประเทศเชิญเอกอัครราชทูตของประเทศสมาชิกอาเซียนอีก 8 ประเทศเข้ารับทราบท่าทีและจุดยืนของไทยด้วย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ทางการกัมพูชาก็ได้เชิญผู้แทนทูตต่างชาติในกัมพูชาเข้ารับฟังท่าทีของกัมพูชาเช่นกัน โดยยืนยันว่า ดินแดนที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้เป็นของกัมพูชา โดยอ้างว่ายึดแผนที่ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส 1904 ,1907 ที่เก็บรักษาไว้ที่ศาลโลก ทั้งนี้ มีรายงานเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ว่า กัมพูชาได้ส่งกองกำลังเพิ่มเติมไปเสริมกำลังทหารที่ประจำการที่ปราสาทพระวิหาร โดยมีการขนปืนกลและเครื่องยิงจรวดขนาดเล็กไปด้วยหลายคันรถ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ที่เข้ามาตั้งชุมชนอยู่บริเวณพื้นที่ทับซ้อนที่ฝ่ายไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิเป็นเจ้าของพื้นที่ ได้อพยพออกจากพื้นที่แล้ว เนื่องจากกลัวว่าอาจจะเกิดการปะทะกันขึ้นได้ โดยชาวกัมพูชาบางคนที่อพยพ(นางเส่ง คิม เยีย) บอกว่า ไม่ได้หวาดกลัวทหารไทย แต่ย้ายออกมา เพื่อให้ทหารกัมพูชาได้ทำงาน นอกจากนี้ยังกล่าวหาฝ่ายไทยด้วยว่า “พวกไทยต้องการดินแดนของเราโดยไม่รู้จักละอาย” และว่า “ไทยควรเริ่มให้การศึกษาแก่คนของเขาว่า ต้องไม่อยากได้แผ่นดินของคนอื่น

พันธมิตรฯฝ่าด่านถึงบันไดพระวิหาร-อ่านประกาศทวงคืนแผ่นดินไทย
“หมัก” ส่อเป็นนายกฯ เขมรชัดด่าคนไทยทวงพระวิหารหาว่า “บ้า”
“ทหารไทย” องอาจ! บุก “พระวิหาร” ตั้งฐานทัพบีบ “เขมร” เปิดเจรจา
สกัด 3 ธรรมยาตราฯ แจ้งจับเขมรห้ามขึ้น“เขาวิหาร”- ชายแดนตึงเครียดคนงาน“ช.การช่าง”หนีตายเข้าไทย
เก็บตกภาพบรรยากาศมวลชนรวมใจทวงคืนเขาพระวิหาร

สมัคร สุนทรเวช นายกฯ และ หน.พรรคพลังประชาชน ยอมรับ ตนเป็นคนสั่งให้ลูกพรรคไปเล่นงาน ส.ว.และพรรคประชาธิปัตย์(15 ก.ค.)
2. “พปช.”เหิม เริ่มยื่นถอดองค์กรอิสระ ด้าน “สมัคร”สั่งลูกพรรค “ฆ่า”ฝ่ายตรงข้าม!

หลังพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ส่งสัญญาณรวบรวมรายชื่อประชาชน 2 หมื่นชื่อเพื่อยื่นถอดถอนนายกฯ และ ครม.ฐานกระทำการขัด รธน.มาตรา 190 ที่มีมติเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชากรณีสนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียวโดยไม่เสนอให้รัฐสภาเห็นชอบก่อน รวมทั้งยื่น ป.ป.ช.ให้ดำเนินคดีอาญา ครม.-ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากกรณีทำให้ไทยต้องเสียอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารนั้น ส่งผลให้นายสมัคร ไม่พอใจ และหาเหตุดิสเครดิต ป.ป.ช.ด้วยการอ้างว่า ป.ป.ช.มาจากคณะปฏิวัติ เป็นองค์กรที่ไม่ถูกกฎหมาย เพราะไม่ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ แต่จะมาตัดสินชีวิตคน โดยเฉพาะคณะของตนที่เข้ามาอย่างถูกต้องทางตรอกออกทางประตู อย่างนี้ยุติธรรมไหม ทั้งนี้ แม้กรรมการ ป.ป.ช.จะออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่ต้องถวายสัตย์ฯ เพราะสำนักเลขาธิการ ครม.ได้เคยแจ้งก่อนเข้ารับหน้าที่(20 ธ.ค.2549)แล้วว่า ไม่ต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เนื่องจาก ป.ป.ช.ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) ซึ่งถือว่าเป็นองค์รัฐาธิปัตย์ในขณะนั้น จึงถือได้ว่าคำสั่งแต่งตั้ง ป.ป.ช.มีผลสมบูรณ์ บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย แต่ทางพรรคพลังประชาชนก็พยายามหาเหตุเพื่อปลดกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ด้วยการเข้าชื่อ ส.ส.เพื่อยื่นถอดถอน ป.ป.ช.ต่อประธานสภาฯ โดยอ้างว่า ป.ป.ช.ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ โดยนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน บอก(18 ก.ค.)ว่า คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 22 ก.ค.นี้ ว่าจะใช้วิธีเข้าชื่อ ส.ส.ตามมาตรา 248 ของ รธน.เพื่อยื่นถอดถอน ป.ป.ช.หรือจะใช้วิธีนำรายชื่อประชาชนที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.หรือ นปก.เดิม) และคณะกรรมการประชาชนเพื่อการแก้ไข รธน.2550(คปพร.)ของ นพ.เหวง โตจิราการ เตรียมไว้แล้วยื่นถอดถอน ทั้งนี้ นอกจากการยื่นถอดถอน ป.ป.ช.แล้ว ยังมีรายงานด้วยว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคพลังประชาชนอยู่ระหว่างหาช่องทางเพื่อยื่นถอดถอนองค์กรอิสระอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น กกต.,สตง.(สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากความพยายามล้มล้างองค์กรอิสระแล้ว ทางด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ยังได้ถือโอกาสฟื้นเรื่องแก้ รธน.ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่นายสมัครเคยบอกก่อนหน้านี้ว่า เรื่องแก้ รธน.ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของสภา ซึ่งขณะนี้สภาอยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาการบังคับใช้ รธน.2550 ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ โดยยังไม่มีข้อสรุป แต่นายสมัครกลับประกาศกลางรายการ “สนทนาประสาสมัคร”เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ว่า จะแก้ รธน.ทันทีที่เปิดสภา(1 ส.ค.) ทั้งนี้ ไม่เพียงแกนนำพรรคพลังประชาชน(เช่น นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานวิปรัฐบาล)จะออกมารับลูกเรื่องแก้ รธน.โดยตั้งเป้าจะแก้มาตรา 237 เรื่องยุบพรรค ,มาตรา 190 เรื่องสนธิสัญญาที่ต้องให้รัฐสภาเห็นชอบก่อน และมาตรา 309 เรื่องการคุ้มครององค์กรที่ตั้งโดย คมช. แต่แกนนำบางคน(เช่น นายสุทิน คลังแสง ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน)ยังส่งสัญญาณด้วยว่า จะแก้ไข รธน.ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจตุลาการด้วย โดยอ้างว่า ตุลาการใช้อำนาจล้ำแดนฝ่ายบริหาร ขณะที่ตุลาการบางคนได้ออกมายืนยันว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ รธน. โดยนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด บอกว่า การแก้ รธน.เป็นทางออกหรือไม่ ต้องไปถามนักการเมือง แต่ส่วนตัวมองว่า ปัญหาไม่น่าจะอยู่ที่ รธน. แต่อยู่ที่ใคร สังคมทราบดี ด้านนายพิภพ ธงไชย 1 ในแกนนำพันธมิตรฯ แถลง(13 ก.ค.)ว่า การที่รัฐบาลประกาศชัดเจนแล้วว่าจะแก้ รธน.เพื่อหนีปัญหาต่างๆ เท่ากับเป็นไปตามเงื่อนไขการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีมติคัดค้านการแก้ไข รธน.ดังนั้นพันธมิตรฯ จะชุมนุมต่อไปเพื่อจับตาและคัดค้านไม่ให้รัฐบาลแก้ รธน.อย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ นอกจากความพยายามแก้ รธน.แล้ว ทางพรรคพลังประชาชนยังได้เอาคืนพรรคประชาธิปัตย์และ ส.ว.ที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลด้วยการยื่นหนังสือให้ กกต.สอบสวน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 27 คน และ ส.ว.32 คน(เมื่อ 14 ก.ค.) โดยอ้างว่า ส.ส.และ ส.ว.ดังกล่าวกระทำการขัดต่อ รธน.มาตรา 48 และ 265 ที่ห้าม ส.ส.-ส.ว.เป็นเจ้าของหรือถือหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชน หรือกิจการที่เป็นคู่สัญญากับรัฐ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า การดำเนินการของพรรคพลังประชาชนครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากนายไชยา สะสมทรัพย์ ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุข เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีฐานไม่แจ้งเรื่องหุ้นของภรรยาต่อ ป.ป.ช. ขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ออกมายอมรับในวันต่อมา(15 ก.ค.)ว่า ตนเป็นคนสั่งให้คนของตนไปเล่นงานวุฒิสมาชิกและพรรคประชาธิปัตย์ที่ถือหุ้นบริษัทที่เป็นสัมปทานรัฐบาล นายสมัคร ยังชี้ด้วยว่า “บ้านเมืองขณะนี้กำลังฆ่ากันเอง ผมก็ให้คนของผมลุกขึ้นมาฆ่าบ้าง เพราะถูกฆ่ามาเยอะแล้ว” อย่างไรก็ตาม ทางด้าน ส.ว.ที่ถูกพรรคพลังประชาชนยื่นให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องการถือหุ้น ก็ได้ลุกขึ้นมาตรวจสอบการถือหุ้นของ ส.ส.ในพรรคร่วมรัฐบาลเช่นกัน โดยพบว่า มี ส.ส.ในพรรคร่วมรัฐบาลถึง 42 คนที่ถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนถึง 27 คน ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้นายไชยา สะสมทรัพย์ จะพ้นจากการเป็นรัฐมนตรีฐานไม่แจ้งเรื่องหุ้นของภรรยา แต่ในส่วนของนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ซึ่งถือหุ้นเกินร้อยละ 5 เช่นกันนั้น ปรากฏว่า นายวิรุฬโชคดีไป เนื่องจาก กกต.ได้มีมติ 3 : 2 เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ว่า ไม่ส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องจากตรวจสอบพบว่า บริษัท ทรัพย์สินวัฒนา ที่นายวิรุฬถือหุ้นอยู่นั้น ได้เลิกกิจการไปตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.2551 ก่อนที่นายวิรุฬจะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ส่วนกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ จัดรายการ “ชิมไปบ่นไป”ถือว่าเข้าข่ายขัด รธน.มาตรา 269 หรือไม่นั้น กกต.ได้มีมติเสียงข้างมาก 4 : 1 ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป

กกต.ชงศาล รธน.เชือด “หมัก” ชิมไปฯ ส่วน “วิรุฬ” รอดตัว
ปธ.วิปลูกกรอกอ้าง กมธ.เอกฉันท์แก้ ม.190-237
เป็นตุเป็นตะ! “พลังแม้ว”อ้างตุลาการถูกยืมมือ-เหตุต้องรื้อ รธน.50
“พลังแม้ว” เพิ่มงาน กกต.ยื่นสอบ ส.ส.ปชป.พ่วง ส.ว.61 รายรวด-อ้างซุกหุ้น
“ลิ่วล้อ” เดินเกมขัดขา ป.ป.ช.ยื่นสอบไม่ผ่านโปรดเกล้าฯ-ออกระเบียบขัด กม.

สมัคร สุนทรเวช นายกฯ นำทีม รมต.แถลง 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อไทยทุกคน(15 ก.ค.)
3. “รบ.”ลนลานออกมาตรการช่วยคนจน ขณะที่หลายฝ่าย เชื่อ หวังผลซื้อเสียงล่วงหน้าก่อนยุบสภา!

เมื่อวันที่ 15 ก.ค.นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ได้นำทีมรัฐมนตรีแถลงว่า ครม.ได้มีมติออกมาตรการ “6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในขณะนี้ที่มีต้นเหตุจากน้ำมันแพง โดย 6 มาตรการดังกล่าวประกอบด้วย 1.ลดอัตราภาษีน้ำมัน โดยรัฐยอมแบกภาษีไว้ 6 เดือน เมื่อเริ่มมีเมกะโปรเจกต์ คนก็จะมีงานทำมากขึ้น 2.ชะลอการปรับราคาก๊าซหุงต้ม 3.ลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำประปา เช่น บ้านใดใช้ไม่เกิน 50 คิว ไม่ต้องเสียค่าน้ำ 4.ค่าไฟ หากบ้านใดใช้ไม่เกิน 80 ยูนิตต่อเดือน ให้ใช้ฟรี แต่ถ้าใช้ 80-150 ยูนิต รัฐจะจ่ายให้ครึ่งหนึ่ง 5.ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยรถเมล์ร้อนใน กทม.800 คันจากทั้งหมด 1,600 คัน จะไม่เก็บเงิน 6.ให้ขึ้นรถไฟชั้น 3 ฟรีทั่วประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวจะดำเนินการเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2551-31 ม.ค.2552 นายสมัคร บอกด้วยว่า 6 มาตรการดังกล่าวใช้งบประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท ส่วนเรื่องคูปองคนจนนั้น ได้ยกเลิกไปแล้ว เพราะคิดไม่ได้ว่าจะแบ่งคนจนอย่างไร ทั้งนี้ มีรายงานว่า การที่ ครม.คลอด 6 มาตรการในลักษณะประชานิยมดังกล่าวอย่างกระทันหัน ส่งผลให้พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มหวั่นว่า พรรคพลังประชาชนกำลังหาเสียงล่วงหน้า โดยอาจจะมีการยุบสภาในเร็วๆ นี้หรือไม่ เช่นเดียวกับนักวิชาการที่ออกมาจับพิรุธรัฐบาลที่รีบออกมาตรการดังกล่าวเช่นกัน โดย รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลรีบร้อนออกมาตรการดังกล่าวโดยไม่มีใครรู้ แม้แต่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) ก็ไม่ทราบเรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าถูกต้อง และว่า ขณะนี้รัฐบาลเจอวิกฤตทางการเมืองและถูกโจมตีอย่างหนัก แต่กลับเปิดกรุสมบัติ นำเงินมาซื้อประชาชน เป็นนโยบายขายผ้าเอาหน้ารอด ไม่ช้าก็เร็วคิดว่าไม่รอด อ.นิพนธ์ ยังเตือนรัฐบาลด้วยว่า จะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลัง และว่า การไม่เก็บค่ารถเมล์ รถไฟ ค่าน้ำค่าไฟ จะส่งผลกระทบต่อรัฐวิสาหกิจในอนาคตอย่างร้ายแรงแน่ ขณะที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ชี้ว่า การที่รัฐบาลออกมาลดแลกแจกแถมเช่นนี้ อาจจะถูกตั้งคำถามว่ากำลังจะยุบสภาหรือเป็นการหาเสียงล่วงหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะเป็นการเอาภาษีแผ่นดินมาใช้แบบสุดโต่ง ด้านนายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ เลขานุการหอการค้าภาคอีสาน กล่าวถึง 6 มาตรการของรัฐบาลว่า มาตรการดังกล่าวเปรียบเสมือนยาแก้ปวดเม็ดเล็กที่ใช้เยียวยาผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศไทยเปรียบได้กับผู้ป่วยที่มีอาการอยู่ในขั้นรุนแรง ซึ่งยาแก้ปวดเม็ดเล็กไม่สามารถที่จะรักษาให้หายได้ รัฐบาลไม่ควรจะเป็นรัฐบาลฝึกหัด แต่ต้องเป็นรัฐบาลมืออาชีพได้แล้ว ขณะที่ รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ แห่งคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ชี้ว่า การออกมาตรการดังกล่าวของรัฐบาล นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดแล้ว ยังขาดประสิทธิภาพและขาดความเป็นธรรมด้วย เช่น การลดภาษีน้ำมัน จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในอนาคตสูงขึ้น แทนที่จะแก้ปัญหาด้วยการให้ประชาชนใช้น้ำมันอย่างประหยัดมากกว่า อ.สมภพ ยังบอกด้วยว่า การผลักดันนโยบายเพื่อช่วยคนจนของรัฐบาลในขณะนี้ แม้จะไม่ใช่เรื่องผิด แต่ไม่ยั่งยืน และยังถือเป็นนคราประชานิยมรอบใหม่เพื่อซื้อใจประชาชนแบบทิ้งทวนเพื่อนำไปสู่เป้าหมายบางอย่าง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ก็ยืนยันว่า 6 มาตรการดังกล่าวได้รับกระแสตอบรับดีจากประชาชน นักวิชาการ และพรรคการเมือง โดยทำให้ประชาชนมีความหวังในชีวิตมากขึ้น พร้อมย้ำว่า การออกมาตรการดังกล่าวไม่ใช่เพราะต้องการหาเสียง เนื่องจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ย้ำหลายครั้งแล้วว่าจะไม่มีการยุบสภา

“หมัก” แถลง 6 มาตรการ 6 เดือน มั่นใจกล่อมรากหญ้าอยู่หมัด
ปชป.จวกมาตรการ 6 เดือนหวังปูพรมหาเสียงแต่ลงไม่ถึงรากหญ้า
เอกชนฝันร้าย “ลูกกรอก”หลงทาง แก้ ศก.โคม่าแบบประชาสงเคราะห์

ช่อง 5 แพร่ภาพกลุ่มบุคคลที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้”ได้ประกาศหยุดก่อเหตุความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย(17 ก.ค.)
4. “รบ.”รีบปฏิเสธ ไม่มีเอี่ยว “กลุ่มใต้ดินฯ”ประกาศหยุดยิงในภาคใต้ หลังส่อเค้า “จัดฉาก”!

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.เวลา 12.00น.สถานีโทรทัศน์ ททบ.5 ได้แพร่ภาพบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นหัวหน้าขบวนการกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ ของประเทศไทยจำนวน 3 คน โดยออกมาประกาศหยุดก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวแถลงเป็นภาษามาเลย์ และภาษาไทย ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ซึ่งโทรทัศน์ช่อง 5 ถ่ายทอดผ่านดาวเทียมไปทั่วโลก 170 ประเทศ สำหรับเนื้อหาคำแถลงระบุว่า ทางกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ มีมติเอกฉันท์ให้มีการหยุดยิง ณ วันที่ 14 ก.ค.2008 หรือ 2551 เวลา 12.00น. และว่า หน่วยต่อสู้ทุกกลุ่ม ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายการเมืองจะสนับสนุนให้เกิดสันติภาพในภาคใต้ของประเทศไทยนับจากนี้เป็นต้นไป เนื่องจากปัญหาการขัดแย้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1909 หรือ พ.ศ.2452 ซึ่งใกล้จะครบ 100 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นจึงหยุดข้อพิพาทนี้นับจากวันนี้(17 ก.ค.) เพื่อนำความสุขกลับคืนมาสู่ประเทศไทย และว่า “พวกเรายินดีที่จะอยู่ใต้ร่มพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสนับสนุนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของประเทศไทย เพื่อแสดงออกถึงความกตัญญูและความผูกพันที่มีต่อประเทศที่เรารัก พวกเราก็รักและเคารพต่อพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวกัน ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพระเจ้าอยู่หัวและประชาชนของเรา” ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การแถลงของกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีลักษณะเหมือนกับอ่านสคริปท์ โดยผู้แถลงจะกวาดสายตาจากซ้ายไปขวาอยู่ตลอดเวลา ด้าน พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และอดีตรัฐมนตรีกลาโหม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ตนเป็นผู้ดำเนินการเจรจาเพื่อให้กลุ่มใต้ดินฯ ดังกล่าวยุติการก่อความไม่สงบในภาคใต้ โดยตนดำเนินการเป็นการส่วนตัวและไม่ทางการ พร้อมยืนยันว่า การยุติก่อความไม่สงบของกลุ่มดังกล่าว เป็นไปแบบไม่มีเงื่อนไขใดใด พร้อมย้ำว่า การแถลงของกลุ่มดังกล่าว ไม่ใช่การจัดฉากแต่อย่างใด และว่า ต้องรอผลพิสูจน์จากนี้ไปว่าจะมีการหยุดก่อเหตุจริงหรือไม่ โดยใช้เวลาประมาณ 30 วัน อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะถูกหลอกหรือไม่ พล.อ.เชษฐา บอกว่า “จะหลอกหรือไม่ ตนขอรับผิดชอบคนเดียว ถ้าหน้าแตกขอหน้าแตกคนเดียว เรื่องนี้เป็นเรื่องลับ จึงไม่ได้แจ้งให้นายกฯ ทราบล่วงหน้า” ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก บอกว่า เท่าที่ทราบ ผู้แถลงเป็นภาษามาเลย์นั้น ชื่อ นายมาดี เพงคาน เป็นแกนนำของขบวนการที่เคลื่อนไหวระหว่างปี 2527-2530 ซึ่งได้ยุติบทบาทไปแล้ว ขณะที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ก็ยืนยันว่า จากการตรวจสอบข้อมูล ไม่มีใครรู้จักขบวนการใต้ดินกลุ่มนี้ และไม่มีในสารบบของกลุ่มที่ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ จึงเกรงว่า หากกลุ่มดังกล่าวไม่ใช่ตัวจริงที่ก่อความไม่สงบในภาคใต้ขณะนี้ จะยิ่งทำให้ปัญหาภาคใต้รุนแรงขึ้น เพราะตัวจริงที่ก่อเหตุจะแสดงความไม่เห็นด้วย ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม พยายามเลี่ยงผู้สื่อข่าว ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศหยุดก่อเหตุในภาคใต้ของกลุ่มใต้ดินฯ ดังกล่าวแต่อย่างใด ด้านนายพีรยศ ราฮิมบูรา ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ก็ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้ากลุ่มดังกล่าวไม่ใช่กลุ่มที่ก่อเหตุตัวจริง จะยิ่งเกิดปฏิกิริยาตอบโต้จากกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ และว่า ส่วนตัวแล้วไม่อยากคิดว่าเรื่องนี้ถูกนำมาเบี่ยงเบนประเด็นที่รัฐบาลกำลังประสบปัญหาหลายด้าน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เชื่อว่า การแถลงยุติการก่อเหตุในภาคใต้ของกลุ่มดังกล่าว เป็นเพียงการจัดฉากเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นทางการเมือง กลบเกลื่อนความล้มเหลวของรัฐบาลที่กำลังถูกเปิดโปงอย่างต่อเนื่อง ด้าน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า การประกาศหยุดก่อเหตุไม่สงบของกลุ่มดังกล่าว หากมองในมุมการเมือง ก็เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น กรณีเขาพระวิหารที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ ทำให้คนหันมาสนใจเรื่องนี้แทน แต่เรื่องนี้ก็ต้องดูด้วยว่า กลุ่มดังกล่าวมีข้อเสนออย่างไร หากไม่มีข้อเสนอเลย ก็เป็นเรื่องแปลก ทั้งนี้ หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า กลุ่มใต้ดินฯ ดังกล่าวเป็นตัวจริงหรือจัดฉาก ปรากฏว่า พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่เป็นโต้โผในเรื่องนี้ ได้เก็บตัวเงียบ ผู้สื่อข่าวไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่คนสนิท พล.อ.เชษฐาอ้างว่า พล.อ.เชษฐาไปพักผ่อนต่างจังหวัด ด้านรัฐบาลและพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาต่างก็ลอยแพ พล.อ.เชษฐา โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกรัฐบาล ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้มีส่วนร่วมในการแถลงข่าวหยุดก่อเหตุของกลุ่มดังกล่าวแต่อย่างใด เช่นเดียวกับ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล โฆษกพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ก็ยืนยันว่า ทางพรรคไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน เพราะ พล.อ.เชษฐาดำเนินการเป็นการส่วนตัว เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังกลุ่มใต้ดินฯ ดังกล่าวแถลงหยุดก่อเหตุในภาคใต้ ไม่เพียงเหตุไม่สงบจะยังไม่ยุติ แต่ยังมีแกนนำของขบวนการพูโลและกลุ่มบีอาร์เอ็น โคออดิเนต ออกมาปฏิเสธด้วยว่า ไม่มีการเจรจาหยุดยิงหรือหยุดก่อเหตุในภาคใต้กับเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด

"บิ๊กเหวียง" ปัดเบื้องหลังนำเทปหยุดยิงเผยแพร่ แลกเก้าอี้

“บิ๊กป๊อก” ย้ำไม่เจรจาอาชญากร-ปล่อยผีช่อง 5 แพร่เทปชี้แค่เสนอข่าว
ช่อง 5 แพร่ภาพ “กลุ่มใต้ดินภาคใต้” ประกาศหยุดยิง

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของสโมสร “เรือใบสีฟ้า”
5. “ทักษิณ”เล่นของ-งัดสารพัดวิธีเพิ่มพลังนักเตะ “แมนฯ ซิตี้”!

หลังจากเมื่อไม่นานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะประธานสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีแนวคิดจะเปลี่ยนโลโก้ของสโมสรฯ จากรูปนกอินทรี มาใช้ตราครุฑ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศไทยแทน กระทั่งโดนแฟนบอลชาวอังกฤษคัดค้าน จนแนวคิดดังกล่าวเงียบไปนั้น ปรากฏว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณก็สร้างความประหลาดใจและอาจทำให้แฟนบอลไม่พอใจอีกครั้ง หลังผุดไอเดียให้ฝังลูกแก้วลงในสนามซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ เพื่อเสริมพลังให้นักเตะ โดยเรื่องนี้เป็นข่าวขึ้นมา เมื่อหนังสือพิมพ์เดลิ มิเร่อร์ ของอังกฤษรายงานว่า สโมสรแมนฯ ซิตี้ พยายามอาศัยศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยเพื่อช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จในการแข่งขันฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง ด้วยการฝังลูกแก้วลงไปบริเวณวงกลมตรงกลางสนามฯ เพื่อมอบพลังด้านบวกแก่นักเตะ โดยนอกจากจะฝังลูกแก้วตรงกลางสนามแล้ว ยังมีแผนจะฝังเพิ่มเติมบริเวณมุมธงทั้ง 4 ด้าน รวมทั้งบริเวณนอกสนามอีกประมาณ 100 ลูกด้วย หนังสือพิมพ์เดลิ มิเร่อร์ ยังอ้างแหล่งข่าวภายในสโมสรแมนฯ ซิตี้ด้วยว่า แกรี่ คุก ประธานบริหารของสโมสรฯ เป็นผู้อนุมัติให้ฝังลูกแก้วดังกล่าว หลังถูก พ.ต.ท.ทักษิณหว่านล้อม โดย พ.ต.ท.ทักษิณได้ร่วมเป็นประธานในพิธีฝังลูกแก้วดังกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย และว่า นอกจากการฝังลูกแก้วแล้ว ยังมีการสั่งให้ปลูกต้นไม้นำโชคราคาต้นละ 1,700 บาท รวมทั้งวางรูปปั้นคางคก 3 ขาเพื่อความมั่งคั่ง ตลอดจนตั้งพระพุทธรูปตามจุดต่างๆ ในบริเวณอาคารที่ทำการและร้านค้าในบริเวณสนาม และในเร็วๆ นี้จะมีการนำเหรียญนำโชคตามความเชื่อของไทยไปวางไว้ในตู้เซฟของสโมสรฯ ด้วย ซึ่งแหล่งข่าวภายในสโมสรแมนฯ ซิตี้ ชี้ว่า การกระทำดังกล่าวอาจทำให้แฟนบอลรุ่นใหญ่ไม่ค่อยพอใจนัก เพราะหลายคนไม่ค่อยชอบใจเรื่องการเชื่อถือโชคลางของเจ้าของสโมสรชาวไทยสักเท่าไหร่.

“แม้ว ซิตี” เล่นของฝังลูกแก้วใต้สังเวียนแข้ง

กำลังโหลดความคิดเห็น