ยูเอสเอส บลูริดจ์ เรือบัญชาการยกพลขึ้นบก ขนาดใหญ่จากเมริกา แวะมาเทียบท่าที่ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังของไทย เพื่อกระชับสัมพันธไมตรี ในโอกาสครบรอบ 175 ปี ความสัมพันธ์ไทย – อเมริกา เมื่อเรือรบใหญ่ขนาดนี้มาเมืองไทยทั้งที "ผู้จัดการออนไลน์"ก็ไม่พลาดที่จะนำเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรือนี้ แถมด้วยภาพสวย ๆ มาให้ชมกัน
เรือบลูริดจ์ เป็นเรือบัญชาการของผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นกองบัญชาการเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรือลำนี้มีสมรรถนะสูงสุดในการสั่งการและควบคุมการปฏิบัติการระดับยุทธวิธีของกองกำลังเรือ ทั้งในยามสงบและช่วงที่มีกรณีพิพาท รวมถึงสนับสนุนการดำเนินการทางการทูตด้วย เรือนี้มีขนาดความยาว 620 ฟุต กว้าง 82 ฟุต ระวางขับน้ำ 19,290 ตัน มีกำลังความเร็วสูงสุด 23 นอต เป็นเรือไอน้ำ ที่ใช้น้ำมันดีเซล เป็นเชื้อเพลิง มีศักยภาพในการรองรับกำลังพลได้ 819 กองร้อย และนายทหารฝ่ายอำนวยการประมาณ 240 นาย
เรือนี้ตั้งชื่อตามเทือกเขา Blue Ridge ในทิวเขา Appalachian ทางทิศตะวันออกของประเทศสหรัฐเมริกา เทือกเขาแห่งนี้เริ่มจากทางตะวันออกเฉียงใต้ของมลรัฐจอร์เจีย ชื่อ Blue Ridge นี้มาจากสีของยอดเขาที่มีป่าไม้อยู่บนลาดเขา โดยเมื่อมองจากระยะไกล ยอดเขาเหล่านนี้จะดูเหมือนเป็นสีน้ำเงิน
ยูเอสเอส บลูริดจ์ ลำนี้ขึ้นระวางประจำการ (เริ่มใช้) เมื่อปี พ.ศ. 2513 เป็นเรือที่มีสมรรถนะในการสั่งการและควบคุมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพเรือเมริกา บนเรือมีที่พักสำหรับนายทหารสัญญาบัตร 200 นาย และนายทหารยศต่ำกว่าสัญญาบัตร 1,200 นาย แบ่งพื้นที่เป็น 11 ชั้นย่อยๆ มีพื้นที่กว้างขวางแบ่งเป็นสัดส่วน และภายในเรือจะมีบริการต่าง ๆ อย่างครบครัน ทั้งห้องครัว ห้องนอน ห้องออกกำลังกาย และห้องอาหาร โดยเฉพาะห้องอาหารของเรือนี้ถือว่าเป็นทีเด็ด ขึ้นชื่อในเรื่องความอร่อย ความสะอาด และบริการ เพราะเพิ่งได้รับรางวัลห้องอาหารบนเรือยอดเยี่ยมแห่งฐานทัพเรืออเมริกา เมื่อปีที่แล้วอีกด้วย
โดยปกติแล้วเรือบลูริดจ์ จะออกปฏิบัติการในพื้นที่เมือง Yokosuka ประเทศญี่ปุ่นในฐานะเป็นเรือธงของผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 แห่งสหรัฐอเมริกา และเนื่องจากมีความเหมาะสมในการสนับสนุนผู้บัญชาการกองเรือทั้งในยามสงบและยามศึก เรือ Blue Ridge จึงมักจะเข้าร่วมการฝึกประจำปีระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตรในภาคพื้นแปซิฟิกตะวันตกและมหาสมุทรอินเดียเป็นประจำ อีกทั้งเรือนี้ ยังมักแวะเมืองท่าต่างๆ ในแถบแปซิฟิกตะวันตกและมหาสมุทรอินเดีย ทั้งญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย รวมถึงประเทศไทยที่เรือลำนี้มักมาแวะเทียบท่าเพื่อกระชับความสัมพันธ์อยู่บ่อยครั้ง
การมาเทียบท่าในไทยครั้งนี้ เรือบลูริดจ์โดยการนำของ พลเรือโท วิลเลี่ยม ดักลาส คราวเดอร์ ผู้บัญชาการกองเรือภาคที่ 7 แห่งสหรัฐเมริกา ในฐานะกัปตันเรือ มาถึงยัง ท่าเรือแหลมฉบังของไทยเมื่อวันนที่ 1 พ.ค. โดยมีนายสมัคร สุทนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ร่วมให้การต้อนรับ
การมาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระชับสัมพันธไมตรี ระหว่างเอมริกา และไทย ในแนบแน่นยิ่งขึ้น โดทางเรือบลูริดจ์ จะจัดกิจกรรมหลายอย่าง อาทิ นำลูกเรือร่วมกิจกรรมทำความสะอาดชายหาด บริเวณ จ.ชลบุรี การนำวงดนตรีประจำเรือ ออกแสดงในกิจกรรมเยี่ยมบ้านพักคนชรา ซึ่งเรือจะเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง 4 วันเพื่อนำลูกเรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ก่อนออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ในวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเรือนี้จะแวะเทียบท่าต่อไปที่ ประเทศสิงคโปร์
การกระชับสัมพันธไมตรีระหว่าง สหรัฐอเมริกาและไทยในครั้งนี้ นอกจากจะมีการส่งเรือ Blue Ridge มาเทียบท่าแล้ว ทางเมริกายังประสานงานมายังไทย ว่าจะมีโครงการความร่วมมือกันในด้านการทหารต่าง ๆ อีกหลายอย่าง เช่น การส่งทหารอเมริกันร่วมฝึกกับทหารไทย รวมถึงการช่วยเหลือในด้านของอาวุธและการศึกษาด้านการทหารด้วย ซึ่งก็นับเป็นเรื่องที่ดี ที่ไทยและสหรัฐอเมริกา มีความสัมพันธ์ทางด้านการทหารที่ยาวนาน และแนบแน่นเช่นนี้
ในฐานะของคนไทยที่มีใจรักสงบเป็นพื้นฐาน ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้มีโอกาสต้อนรับ เรือ Blue Ridge และเรือลำอื่นๆ ของอเมริกาในฐานะทูตที่มาประสานความสัมพันธ์ และความร่วมมือกันต่อไป เพราะการมาเยือนของเรือรบ แต่มาด้วยสันติภาพ นั้นนับเป็นสิ่งที่ดีและน่าต้อนรับ กว่าการมาของเรือรบในสถานการณ์ที่เกิดข้อพิพาทเป็นไหนๆ
