xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 13-19 เม.ย.2551

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการยกร่างแก้ไข รธน.ของพรรคพลังประชาชน ยืนยัน จะมีการสรรหา กกต.-ป.ป.ช.ใหม่ภายใน 180 วันหลัง รธน.ใหม่บังคับใช้
คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ


1. “พปช.”เดินหน้า แก้ รธน.หนียุบพรรคไม่พอ เตรียมโละ“กกต.-ป.ป.ช.”ด้วย!

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ประชุมคณะอนุกรรมการยกร่างแก้ไข รธน.ปี 2550 ของพรรคพลังประชาชนได้มีมติให้มีการแก้ไข รธน.เกือบทั้งฉบับ โดยยกเว้นเฉพาะหมวดที่ 1 บททั่วไป และหมวดที่ 2 พระมหากษัตริย์ นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วน และรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมการยกร่างแก้ไข รธน.ฯ แถลงว่า การแก้ไข รธน.ครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะกลับไปใช้ รธน.ปี 2540 เป็นหลัก เช่น จำนวน ส.ส.-ส.ว.และวิธีการเลือกตั้ง จะกลับไปใช้ตาม รธน.ปี’40 รวมทั้งจะแก้ให้ ส.ส.สามารถดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา-เลขานุการรัฐมนตรีได้ ส่วนการสรรหา กกต. ,ป.ป.ช. ,ผู้ตรวจการแผ่นดิน ,คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ,คณะกรรมการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะให้กลับไปใช้ตาม รธน.ปี’40 เช่นกัน นั่นหมายถึงจะไม่ให้ตุลาการจากศาลเข้ามาร่วมสรรหาบุคคลในองค์กรอิสระเหมือน รธน.ปี’50 ขณะเดียวกันก็จะให้พรรคการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมในการสรรหา นอกจากนี้ยังจะการแก้ รธน.ให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอัยการเลิกเป็นองค์กรอิสระ แล้วกลับมาเป็นส่วนราชการตามเดิม โดยนายสุขุมพงศ์ ให้เหตุผลว่า เพราะอัยการเป็นส่วนราชการมาช้านาน มีหน้าที่หลักในการทำคดีแทนรัฐบาล และจะต้องขึ้นตรงต่อรัฐบาล มีหน้าที่ให้ความเห็นต่อรัฐบาล หากเป็นองค์กรอิสระ จะทำให้เกิดปัญหา ส่วนมาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค จะอยู่ในมาตรา 68 ของร่างแก้ไข รธน.ฯ ซึ่งยกร่างไว้ว่า ต่อไปจะยุบพรรคได้ 3 สาเหตุเท่านั้น 1.ถ้ามีการกระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.การกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และ 3.การกระทำเป็นภัยต่อความมั่นคงทั้งในและนอกราชอาณาจักร ส่วนการเพิกถอนสิทธินั้น จะต้องเป็นการกระทำของกรรมการบริหารพรรคการเมืองและหัวหน้าพรรคด้วย ส่วนมาตรา 309 นั้น นายสุขุมพงศ์ บอก เสียงส่วนหนึ่งเสนอให้ตัดทิ้ง แต่อีกส่วนหนึ่งเสนอให้คงไว้แต่มีเงื่อนไขในการนำมาใช้ อย่างไรก็ตาม หลังอนุกรรมการยกร่างแก้ไข รธน.ดังกล่าวประชุมอีกครั้งในวันที่ 18 เม.ย. ได้มีมติยืนยันให้ตัดมาตรา 309 ออกจาก รธน. ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการยกร่างแก้ไข รธน.ของพรรคพลังประชาชน เผยว่า ได้ข้อยุติเรื่องบทเฉพาะกาลที่จะเขียนไว้ในส่วนขององค์กรอิสระแล้ว เช่น ส.ว.ชุดปัจจุบัน(150 คนตาม รธน.2550)จะให้อยู่ต่อไปจนครบวาระ โดย ส.ว.จากการเลือกตั้ง(76 คน)ให้อยู่ครบ 6 ปี ส่วน ส.ว.สรรหา(74 คน) เมื่ออยู่ครบ 3 ปีแล้ว จะให้มีการเลือกตั้งให้ครบ 200 คน(จำนวน ส.ว.ตาม รธน.2540) สำหรับจำนวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ รธน.2550 ให้มี 9 คนนั้น จะแก้ให้มี 15 คนเหมือน รธน.2540 โดยตุลาการรัฐธรรมนูญที่อยู่ระหว่างสรรหาขณะนี้ ก็ให้ดำเนินต่อไป เมื่อ รธน.ใหม่บังคับใช้แล้ว ต้องสรรหาเพิ่มให้ครบ 15 คน นอกจากนี้ในส่วนของ กกต.และ ป.ป.ช.นั้น นายชูศักดิ์ ยังเผยด้วยว่า จะให้มีการสรรหา กกต.และ ป.ป.ช.ใหม่ภายใน 180 วันหลัง รธน.ใหม่บังคับใช้ โดยอ้างว่า เพราะ กกต.และ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันมาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร ทั้งที่ความจริงแล้ว การสรรหา กกต.ชุดปัจจุบันเกิดขึ้นก่อนที่รัฐบาลทักษิณจะถูกยึดอำนาจ ซึ่ง คมช.เพียงแต่ออกประกาศให้ กกต.ชุดดังกล่าวดำรงสถานภาพต่อไป ไม่ต้องถูกยุบตาม รธน.2540 เท่านั้น นายชูศักดิ์ ยังยืนยันด้วยว่า เหตุที่ต้องให้มีการสรรหา ป.ป.ช.ใหม่ ไม่ใช่เพราะกลัวการตรวจสอบจาก ป.ป.ช.ที่จะสานต่อคดีจาก คตส.แต่อย่างใด ส่วนการแก้มาตรา 237 เรื่องยุบพรรคนั้น นายชูศักดิ์ บอก การแก้ รธน.ทั้งฉบับ อาจใช้เวลานาน 8-9 เดือน หรือ 12 เดือน ดังนั้นอาจแก้ไม่ทันคดียุบพรรคก็ได้ แต่ถ้าทัน ก็ต้องพิจารณาว่า ความผิดเข้าข่ายมาตรา 68 หรือไม่ เพราะโทษยุบพรรคจะยึดหลักตาม รธน.2540 เป็นหลัก นายชูศักดิ์ ยังบอกด้วยว่า เมื่อร่าง รธน.เสร็จ จะเปิดเผยให้ประชาชนทราบแน่นอน แต่จะไม่ทำประชาพิจารณ์ เพราะ รธน.ปี 2540 และ 2550 ได้ผ่านการประชาพิจารณ์มาแล้ว และว่า คาดว่าจะเสนอร่างแก้ไข รธน.เข้าสภาได้ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ยังคงมีหลายฝ่ายออกมาติงการรีบเร่งแก้ รธน.ของรัฐบาล ซึ่งแก้เพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม เช่น นายนรนิติ เศรษฐบุตร อดีตประธานสภาร่าง รธน.2550 บอก รัฐบาลจะแก้อะไร ต้องฟังประชาชนบ้าง และว่า การมี ส.ส.ร.มายกร่างแก้ไข รธน.ย่อมดีกว่าการแก้โดยตั้งกรรมการชุดเล็กๆ ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะแก้ รธน.โดยกำหนดในบทเฉพาะกาลให้ลดวาระการดำรงตำแหน่งขององค์กรอิสระ เช่น กกต.และ ป.ป.ช.นั้น นายนรนิติ บอก ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ เพราะเมื่อ รธน.กำหนดวาระให้องค์กรอิสระเหล่านั้นแล้ว ก็น่าจะเป็นไปตามนั้น ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครแก้ รธน.แบบนี้ เพราะถ้าแก้แบบนี้ได้ ก็จะสามารถยกเลิกทุกอย่างได้หมด ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ การที่พรรคพลังประชาชนต้องการแก้ รธน.โดยลดวาระการดำรงตำแหน่งขององค์กรอิสระลงนั้น ถือว่ามีวาระซ่อนเร้น และสะท้อนว่า พรรคพลังประชาชนไม่มั่นใจในคดีที่ยังค้างอยู่ ซึ่ง ป.ป.ช.จะรับโอนจาก คตส.เมื่อ คตส.หมดวาระลง และยิ่งพรรคพลังประชาชนจะแก้ รธน.ให้การสรรหาองค์กรอิสระกลับไปใช้วิธีตาม รธน.2540 ก็จะยิ่งทำให้องค์กรอิสระถูกแทรกแซงจากการเมือง ทำให้องค์กรอิสระไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นกลาง ทำให้เกิดวิกฤตการเมืองอีกครั้งได้ ขณะที่เสียงเตือนจากคนในพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ยังคงดังเป็นระยะๆ โดยนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ได้ออกมาเตือน(เมื่อ 16 เม.ย.)ว่า การแก้ รธน.คือการแก้ระเบียบกติกา หากทำกันไม่ดี เรือลำนี้จะอับปางลงต่อหน้าคลื่นและมรสุมลูกใหญ่ ซึ่งยากต่อการที่จะกู้ขึ้นมาใหม่ได้ และว่า ส่วนตัวเห็นว่าควรแก้ รธน.อยู่แล้ว แต่ต้องแก้เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองจริงๆ ไม่ใช่แก้เพื่อตัวเอง

ไชโย! พิมพ์เขียว “รธน.แม้ว” คลอดแล้วโละ ป.ป.ช.-กกต.ใน 180 วัน

ชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ และประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ปชป.โชว์หลักฐานทั้งเอกสาร-ซีดีที่มีผู้โจมตีประธานองคมนตรี(19 เม.ย.)
2. “ชวน”แฉ มีขบวนการจัดตั้งโจมตีองคมนตรี ขณะที่ “พปช.-นปก.”ร้อนตัว รีบดาหน้าโต้!

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ และประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาติงรัฐบาลว่า อย่าใช้วิธีพวกมากลากไปในการแก้ไข รธน. เพราะถ้าแก้โดยไม่ชอบธรรม จะมีปัญหาเรื่องการยอมรับของประชาชน พร้อมยืนยัน รธน.2550 ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐบาล แต่อุปสรรคเกิดจากรัฐบาลทั้งสิ้น นอกจากนี้ นายชวน ยังได้แฉว่า ขณะนี้มีความพยายามปลุกระดมมวลชนขึ้นมาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของคนบางคน โดยเป็นกระบวนการขยายผลทำให้เกิดความรุนแรง เพราะมีการตั้งองค์กรขึ้นมาเพื่อให้เป็นปฏิปักษ์กับอีกฝ่ายหนึ่ง อย่างวันที่ตนไปรับหนังสือรับรองการเป็น ส.ส.ที่ กกต.ก็มีคนโห่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นพวกจัดตั้งและจ้างมา รวมถึงคนที่โทรศัพท์ไปตามรายการวิทยุและส่งข้อความไปทางโทรทัศน์ ก็เป็นคนจัดตั้งทั้งนั้น นายชวน ยังเผยด้วยว่า ที่คนนอกยังไม่รู้ก็คือ มีวารสาร เอกสาร จดหมายที่ไม่ลงชื่อ ส่งไปตามสถานที่ต่างๆ โจมตีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน รวมทั้งองคมนตรี ซึ่งตนได้รับเกือบทุกสัปดาห์ นายชวน ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า กระบวนการดังกล่าวต้องใช้เงิน คนธรรมดาทำไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ความขัดแย้งขยายตัวเป็นความรุนแรง ทั้งนี้ หลังนายชวนออกมาเปิดประเด็นดังกล่าว แกนนำพรรคพลังประชาชนต่างออกมาประสานเสียงโต้กลับนายชวน เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกรัฐบาลและอดีตแกนนำ นปก.ที่เคยเคลื่อนไหวโจมตีและนำม็อบไปก่อจลาจลหน้าบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ออกมายืนยันว่า รัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการโจมตีใส่ร้ายสถาบันองคมนตรีแน่นอน พร้อมท้าให้นายชวนแสดงหลักฐานออกมาและไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนินการ ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และอดีตแกนนำ นปก. ก็ยืนยันว่า กระบวนการโจมตีองคมนตรี ไม่ใช่ฝีมือ นปก. เพราะ นปก.ทำอะไร จะทำด้วยความเปิดเผย ไม่มีวาระซ่อนเร้น ด้านนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯ และอดีตแกนนำ นปก. ก็ท้าให้นายชวนแสดงความรับผิดชอบด้วยการส่งข้อมูลเรื่องการโจมตีองคมนตรีให้ตำรวจดำเนินคดี พร้อมชี้ คนที่มีมิจฉาทิฐิเท่านั้นที่พยายามโยงเรื่องนี้ว่าเป็นฝีมือ นปก. ทั้งที่ นปก.ไม่มีแล้ว ทุกคนสลายตัวมาทำหน้าที่ในรัฐบาลและในกลุ่มประชาธิปไตยที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาล นปก.จึงเป็นเพียงอดีตกับการต่อสู้กับเผด็จการเท่านั้น ขณะที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ก็ได้ออกมาโต้นายชวนเช่นกัน โดยบอก นายชวนกำลังกล่าวหาโดยโยงให้คนเชื่อว่า การโจมตีองคมนตรีเป็นการกระทำของพรรคที่อยู่ตรงกันข้าม ซึ่งถือเป็นการใช่เล่ห์กลแบบศรีธนญชัย พร้อมยืนยัน พรรคพลังประชาชนไม่มีเหตุผลที่ต้องโจมตีองคมนตรี เพราะพรรคมีอำนาจอยู่ในมือ และสามารถใช้อำนาจจัดการปัญหาต่างๆ ได้ ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีมหาดไทย ก็ได้ออกมาจี้ให้นายชวนส่งหลักฐานการโจมตีองคมนตรีมาให้ ไม่ใช่ออกมาพูดเฉยๆ พร้อมยืนยัน รัฐบาลจะไปจะวิจารณ์องคมนตรีเพื่ออะไร ร.ต.อ.เฉลิม ยังพูดต่อเหมือนต้องการเสียดสีด้วยว่า “โถเราไม่เคารพอะไร ถึงเวลาก็ไหว้กันให้ราบทุกที” ด้านนายชวน หลีกภัย ได้ออกมายืนยันอีกครั้งว่า หนังสือเวียนที่มีเนื้อหาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ คนภาคใต้ และช่วงหลังโจมตีองคมนตรีนั้น มีอยู่จริง แต่หนังสือเวียนดังกล่าวไม่บอกว่าใครเป็นคนเขียน ดังนั้นการจะไปแจ้งความจึงเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม วันต่อมา(18 เม.ย.)นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาเผยหลักฐานการโจมตีพรรคประชาธิปัตย์และองคมนตรี โดยมีสำเนาเอกสารมากถึง 2 แฟ้ม ซึ่งมีทั้งข้อความโจมตีที่ได้จากฟอร์เวิร์ดเมล์ ,สำเนาบทความในเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ ,จดหมาย ,ใบปลิว ,ส.ค.ส. และถุงพลาสติกใส่ขนเพชร โดยนายเทพไท เผยว่า ทุก 3 วันจะมีเอกสารเหล่านี้ส่งมา ซึ่งทางพรรคฯ ได้รับกันทุกคน และคิดว่ารัฐบาลก็รู้ โดยเฉพาะหนังสือเรื่อง “ก้อนกรวดในรองพระบาท”ที่เขียนโดยนายประดาบ โดยโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งนอกจากมีการเผยแพร่ในเว็บไซตไฮ-ทักษิณแล้ว ยังมีการแจกในภาคอีสาน ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ก็รู้ดี เพราะเคยพูดว่าพบหนังสือดังกล่าวและบอกว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจ นอกจากนี้ในเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณยังมีการเสนอภาพเสียดสี พล.อ.เปรมอีกจำนวนมาก นายเทพไท ยังเชื่อด้วยว่า รัฐบาลมีหลักฐานเหล่านี้อยู่ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเรื่องใบปลิวโจมตีองคมนตรี ขณะที่นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯ และอดีตแกนนำ นปก.ได้ออกมาพูดดิสเครดิตนายชวนอีกครั้ง(18 เม.ย.)โดยอ้างว่า ขณะนี้มีขบวนการเสี้ยมให้เกิดความแตกแยกในชาติ จากเดิมที่เสี้ยมให้นายสมัครและ พ.ต.ท.ทักษิณรู้สึกไม่ดีต่อกัน และขณะนี้ยกเรื่ององคมนตรีขึ้นมาเสี้ยมอีก เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่า คนในซีกรัฐบาลเกี่ยวข้องกับเรื่องไม่บังควรแบบนี้ นายจักรภพ ยังประกาศกร้าวด้วยว่า “ฝากไปถึงผู้ที่อยู่ในขบวนการเสี้ยมทั้งหลายว่า อย่าเสี้ยมให้ประเทศแตกแยกในขณะที่เรากำลังจะโงหัวขึ้น” นายจักรภพ ยังพูดแบบไม่ไว้หน้านายชวนอีกว่า “ผมคิดว่าคนที่เป็นถึงระดับอดีตนายกฯ ไม่ควรจะลดตัวลงมาเล่นบทลูกหาบให้กับเรื่องแบบนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายเทพไท (เสนพงศ์-ผช.เลขาธิการพรรค ปชป.)เถอะ” ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ผู้สื่อข่าวจะพยายามชี้ว่า นายชวนระบุว่าไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่มีบางคนเดือดร้อนเอง แต่นายจักรภพ ก็รีบสวนกลับทันทีว่า “อันนั้นเป็นวิธีการแบบลูกผู้หญิงตบกัน ที่เธอพูดอย่างนั้น ฉันพูดอย่างนี้ ผมคิดว่า คุณชวนน่าจะอยู่สูงกว่านั้น” ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำหลักฐานการโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษออกมาโชว์ในวันนี้(19 เม.ย.) ซึ่งมีทั้งซีดีและใบปลิวที่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย จนไม่สามารถเผยแพร่ได้ โดยนายชวน บอก จะหารือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะนำเอกสารดังกล่าวไปมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ แต่จะไม่มอบให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีมหาดไทยแน่ เพราะเกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่านำเอกสารที่มีข้อความหมิ่นประมาทมาเผยแพร่


"ชวน"โชว์ซีดีด่า"ป๋าเปรม"ชี้คนทำเงินหนา-รัฐบาลรู้ดี
ปชป.โชว์หลักฐานถ่อยด่า “ป๋า” จี้ฟันเว็บ “ไฮทักษิณ” จาบจ้วง

3. “พันธมิตรฯ”ลั่น พร้อมชุมนุมใหญ่ หาก รบ.ดันทุรังแก้ รธน.ฟอกผิดตนเอง –เตรียมจัด “ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ”อีกครั้ง 25 เม.ย.นี้!

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและองค์กรแนวร่วม ประชุมและออกคำประกาศ เดินหน้าต้านระบอบทักษิณและการแก้ รธน.เพื่อฟอกผิดตนเองที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ (19 เม.ย.)
วันนี้(19 เม.ย.) แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยตัวแทนองค์กรแนวร่วมจากทั่วประเทศ ได้ประชุมหารือสถานการณ์ทางการเมืองที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ สี่แยกคอกวัว หลังประชุม ได้ออกคำประกาศเรื่อง “เดินหน้าต้านระบอบทักษิณ และการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเอง” โดยระบุว่า หลังรัฐบาลนี้บริหารประเทศมาได้ 2 เดือน มิได้ให้ความสำคัญกับนโยบายที่แถลงต่อสภาแต่อย่างใด กลับเดินหน้าเช็คบิลทางการเมือง ทำสารพัดวิธีเพื่อทวงอำนาจคืนให้กับระบอบทักษิณ ขณะที่รัฐมนตรีหลายคนก็ใช้อำนาจท้าตีท้าต่อย ตอกลิ่มความแตกแยกในสังคมไทยให้ขยายวง ทั้งยังแทรกแซงสื่อมวลชนในกำกับของรัฐ เพื่อเป็นเครื่องมือบิดเบือนและโฆษณาชวนเชื่อ ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดินและลุแก่อำนาจ ส่งผลให้สังคมการเมืองไทยตึงเครียดขึ้นอย่างรวดเร็ว วิกฤตลูกเก่านอกจากจะไม่คลี่คลาย ยังเกิดวิกฤตลูกใหม่ กลายเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คำประกาศของพันธมิตรฯ ยังระบุด้วยว่า ทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เอง ก็ได้ฉีกสัญญาที่เคยประกาศว่าจะวางมือทางการเมือง ด้วยการเคลื่อนไหวเดินสายปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การเปิดประเด็นรื้อรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชน แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงเล่ห์อุบายทางการเมือง โดยหวังตัดทิ้งและแก้ไข รธน.เฉพาะมาตราที่เป็นอุปสรรคขวากหนามต่อการฟื้นระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 237 หรือ 309 หรือการวางแผนลดวาระของ กกต.และ ป.ป.ช. ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวของพรรคพลังประชาชนถือว่าเข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ด้วยเหตุนี้พันธมิตรฯ และแนวร่วมจึงได้กำหนดแผนการเคลื่อนไหว โดยยืนยันคัดค้านกระบวนการแก้ไข รธน.เพื่อฟอกผิดตนเองทุกรูปแบบอย่างถึงที่สุด โดยขอใช้สิทธิตามที่เคยออกแถลงการณ์ว่าจะรวบรวมรายชื่อ 2 หมื่นชื่อเพื่อถอดถอน ส.ส.ที่ร่วมเสนอและรับรองญัตติแก้ไข รธน.เพื่อฟอกผิดตนเอง รวมทั้งยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งให้ ส.ส.ยุติการกระทำดังกล่าวและพิจารณายุบพรรคต่อไป พร้อมกันนี้ พันธมิตรฯ และแนวร่วม เห็นพ้องกันว่า จะจัดให้มีการเคลื่อนไหวใหญ่ครั้งที่ 2 ในรูปแบบ “ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษในวันศุกร์ที่ 25 เม.ย.นี้ ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยชูประเด็นต่อต้านการรื้อ รธน.เพื่อฟอกผิดตนเอง นอกจากนี้ที่ประชุมพันธมิตรฯ ยังมีมติให้เครือข่ายพันธมิตรฯ ทั้งส่วนกลาง ต่างจังหวัด ต่างประเทศ และองค์กรแนวร่วม เตรียมพร้อมระดมมวลชนเพื่อชุมนุมใหญ่ภายใต้กรอบ รธน.และแนวทางอหิงสาทันที หากมีการดันทุรังรื้อ รธน.เพื่อฟอกผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณและเครือข่าย โดยไม่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง

พันธมิตรฯดีเดย์ต้าน"รธน.แม้ว"ล้มทุนสามานย์ 25 เม.ย.นี้
ก.ตร.มีมติรับโอน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร กลับมาดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.
4. โยกนายพลสีกากี “พี่พจมาน”มาตามโผ ขณะที่”เพื่อนทักษิณ”ผงาด-คุมภาค“กลาง-เหนือ-อีสาน”!

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบให้รับโอน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสำนักนายกรัฐมนตรี ให้มาดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. รวมทั้งให้รับโอน พล.ต.ท.ชลอ ชูวงศ์ (นรต.26) เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสำนักนายกฯ เช่นกัน ให้มาดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. นอกจากนี้ ก.ตร.ยังได้ให้ความเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจรวม 118 นายในระดับรอง ผบ.ตร.ถึงผู้บังคับการ(ผบก.) โดยให้เหตุผลในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ได้มีการเห็นชอบแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ให้ดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ด้วย ทั้งที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ยังมิได้พ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.โดยสมบูรณ์และยังมิได้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.โดยสมบูรณ์ ทั้งนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.)ที่มีนายสมัครเป็นประธานเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส แต่การดำรงตำแหน่งของ พล.ต.อ.พัชรวาทจะมีผลโดยสมบูรณ์ ต่อเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์พ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร.และโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.พัชรวาทดำรงตำแหน่งดังกล่าว นอกจากนี้ ยังน่าสังเกตด้วยว่า การแต่งตั้ง พล.ต.ท.จงรักให้ดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.เป็นการแต่งตั้งข้ามหัวผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่อาวุโสอันดับหนึ่ง คือ พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ขณะที่ พล.ต.ท.จงรัก อาวุโสอันดับสอง และเป็น นรต.25 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.พัชรวาท สำหรับรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายที่ที่ประชุม ก.ตร.เห็นชอบครั้งนี้ ถูกมองว่า ต้องการล้างบางนายตำรวจที่ใกล้ชิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ขณะเดียวกันก็ตั้งนายตำรวจสาย พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนจำนวนมาก ได้แก่ พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบช.ส.) คนสนิท พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถูกเด้งไปเป็นจเรตำรวจแทน พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง (นรต.25)เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.พัชรวาท แล้วให้ พล.ต.ท.ธีระเดช มาเป็น ผบช.ส.แทน ขณะที่ พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1(ผบช.ภ.1) คนสนิท พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถูกเด้งเข้ากรุเป็น ผบช.ประจำ สง.ตร. แล้วให้ พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ (นรต.26) เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็น ผบช.ภ.1 แทน โดยเป็นการสลับตำแหน่งกัน ด้าน พล.ต.ท.บุญชอบ คงน้อย ผบช.ภ.4 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถูกเด้งเข้ากรุเป็น ผบช.ประจำ สน.ตร.เช่นกัน แล้วให้ พล.ต.ท.วุฒิ วิทิตานนท์ (นรต.26) เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นจเรตำรวจ มาเป็น ผบช.ภ.4 แทน ส่วน พล.ต.ท.เจตนากร นภีตะภัฏ ผบช.ภ.2 คู่เขย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ ถูกย้ายไปเป็นจเรตำรวจ(สบ 8) แล้วให้ พ.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ จเรตำรวจ คนใกล้ชิดนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ มาเป็น ผบช.ภ.2 แทน ขณะที่ พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ ชูกิจคุณ ผบช.ภ.5 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ถูกย้ายไปเป็นจเรตำรวจเช่นกัน แล้วให้ พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว (นรต.26) เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ายจากผู้บัญชาการศึกษา(ผบช.ศ.) มาเป็น ผบช.ภ.5 แทน ด้าน พล.ต.ท.อดิศร นนทรี คนใกล้ชิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถูกย้ายจากผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) ไปเป็นจเรตำรวจ แล้วให้ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง จเรตำรวจ มาเป็น ผบช.ก.แทน ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับผู้บังคับการ ก็มีตำรวจที่ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณได้ดิบได้ดีหลายนาย ได้แก่ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ย้ายจากผู้บังคับการสถาบันส่งเสริมงานสอบสวน(ผบก.สบส.) มาเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ,พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร (หัวหน้าชุดคุ้มครอง พ.ต.ท.ทักษิณ) ได้ย้ายจากผู้บังคับการสำนักงานพัฒนาข้าราชการตำรวจ(ผบก.สบพ.) มาเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว(ผบก.ทท.) เป็นต้น ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจครั้งนี้ มีการเช็คบิลตำรวจที่ทำคดีทุจริตซื้อเสียงที่เชียงรายที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชนโดนใบแดงด้วย คือ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล โดยถูกเด้งจากรองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เข้ากรุไปเป็นรอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.ชัยยะ ก็ถูกเช็คบิลมารอบหนึ่งแล้ว ด้วยการถูกเด้งไปช่วยราชการที่ จ.ยะลาแบบไม่มีกำหนด ด้าน พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชนโดนใบแดงจำนวนมาก ก็ถูกเด้งไปเป็นผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 3(ผบก.อก.ภ.3) เป็นต้น

โผโยก 123 นายพล ตร.ลงตัว “หมัก” เริงร่าแต่ปิดปากเงียบตอบสื่อ
ก.ตร.ไฟเขียวรับกลับ “เพรียวพันธ์” เป็นรอง ผบ.ตร.

สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
5. คลื่นใต้น้ำ“ทรท.-พปช.”เฮ-เคลื่อนไหวได้อิสระ หลัง“รบ.”สั่งยกเลิกกฎอัยการศึกทั่ว ปท.!

ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ เป็นประธาน ได้มีมติยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศที่ยังคงประกาศไว้ทั้งหมดรวม 179 อำเภอ ใน 31 จังหวัดแล้ว ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส และ 5 อำเภอใน จ.สงขลา คือ จะนะ-เทพา-สะบ้าย้อย-นาทวี-สะเดา ที่ยังคงกฎอัยการศึกเอาไว้ก่อน ทั้งนี้ ที่ประชุม สมช.ให้เหตุผลที่ยกเลิกกฎอัยการศึกใน 31 จังหวัดว่า เพราะขณะนี้ประเทศเป็นประชาธิปไตย จึงไม่อยากให้มีบรรยากาศของทหารที่ยังเหมือนมีการปฏิวัติอยู่ และเนื่องจากขณะนี้มีกฎหมายใหม่ คือ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มาใช้ทดแทนได้ แต่ไม่ได้ทดแทนทั้งหมด โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)จะไปดูว่า พื้นที่ตรงไหนบ้างที่จะใช้กฎหมายความมั่นคงฯ มาทดแทน ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนได้รับเลือกตั้ง แกนนำพรรคพลังประชาชนและแนวร่วมต่างโจมตีว่า พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในฯ เป็นกฎหมายเผด็จการ แต่ขณะนี้รัฐบาลกลับนำกฎหมายดังกล่าวมาบังคับใช้ ส่วนการยกเลิกกฎอัยการศึกใน 31 จังหวัดครั้งนี้ นอกจากจะครอบคลุมพื้นที่ตามแนวชายแดนที่มีปัญหาด้านความมั่นคงและปัญหายาเสพติดแล้ว ยังทำให้คลื่นใต้น้ำในหลายจังหวัดที่พยายามเคลื่อนไหวหนุนพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนได้รับอานิสงส์ไม่ต้องถูกปรามด้วยกฎอัยการศึกอีกต่อไป เช่น จ.บุรีรัมย์ ,ศรีสะเกษ ,สุรินทร์ ,เชียงราย ,เชียงใหม่ เป็นต้น ทั้งนี้ นอกจากรัฐบาลจะประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศแล้ว ที่ประชุม ครม.นัดพิเศษเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ยังมีมติให้ขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไปอีก 3 เดือนด้วย(ตั้งแต่ 20 เม.ย.-19 ก.ค.2551)

ต่ออายุ พ.ร.บ.สถานการณ์ฉุกเฉินอีก 3 เดือน “หมัก” นัดจ้อสื่อ

6. “7 วันอันตราย”ตายมากกว่าปีก่อน ด้าน “4 สาวเกิร์ลลี่ เบอร์รี่”ทำภาพลักษณ์พรีเซ็นเตอร์สงกรานต์ฉาว!
4 สาววงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ สลัดภาพพรีเซ็นเตอร์ที่เคยสวมชุดไทยรณรงค์สงกรานต์ให้ ก.วัฒนธรรมเมื่อ 31 มี.ค.มาใส่ชุดล่อแหลม-เต้นยั่วยวนร้องเพลงโชว์ในงานสงกรานต์ที่ถนนข้าวสารเมื่อ 13 เม.ย.
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดแถลงจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.ว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นรวม 4,243 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 368 ราย ผู้บาดเจ็บ 4,803 ราย ซึ่งถือว่าจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7 ราย โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ เมาสุรา ส่วนพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนสะสมสูงสุดคือ เชียงราย รองลงมาคือ เพชรบูรณ์ ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด คือ พิษณุโลก ตามด้วยเชียงใหม่ ทั้งนี้ นอกจากสถิติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผู้เกี่ยวข้องพยายามรณรงค์เพื่อให้ลดจำนวนลงแล้ว ปีนี้ยังมีข่าวที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง นั่นคือ กรณีที่ 4 สาววงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ทำเสียภาพลักษณ์การเป็นพรีเซ็นเตอร์ของกระทรวงวัฒนธรรมที่รณรงค์ให้คนเล่นสงกรานต์ตามประเพณีไทย โดย 4 สาววงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ได้สวมใส่ชุดไทยรณรงค์ในวันแถลงข่าวของกระทรวงวัฒนธรรมเมื่อวันที่ 31 มี.ค. แต่ให้หลังวันที่ 13 เม.ย. 4 สาวดังกล่าวกลับขึ้นเวทีร้องเพลงในงานสงกรานต์ที่ถนนข้าวสาร โดยใส่เสื้อผ้าที่ล่อแหลมพร้อมท่าเต้นที่ยั่วยวน ทั้งที่ 4 สาวดังกล่าวได้กล่าวเชิญชวนในวันรณรงค์ไม่ให้วัยรุ่นใส่เสื้อสายเดี่ยว เกาะอก หรือใส่กางเกงขาสั้นเกินไป แต่ตัวเองกลับทำเสียเอง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ไม่เพียงหลายฝ่ายจะออกมาติติง แม้แต่กระทรวงวัฒนธรรมเอง นายปรีชา กันธิยะ เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ก็ได้ออกมาชี้ว่า 4 สาววงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ทำไม่เหมาะสม พร้อมเผย การร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์เทศกาลสงกรานต์ของ 4 สาวดังกล่าว กระทรวงฯ ไม่ได้ทาบทามไป แต่ 4 สาวดังกล่าวเป็นฝ่ายแสดงความจำนงเข้ามาเองว่า ต้องการจะมาช่วยรณรงค์โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งหาก 4 สาวไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแสดงในลักษณะดังกล่าวได้ ก็ไม่สมควรเสนอตัวมาเป็นแบบอย่างให้ผู้อื่น ทั้งนี้ นายปรีชา ได้ทำหนังสือจี้ให้ 4 สาววงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ และบริษัท อาร์เอส ในฐานะต้นสังกัด ออกมาขอโทษประชาชนต่อการกระทำดังกล่าวด้วย ซึ่งในที่สุด นายสุทธิพงษ์ วัฒนจัง หรือชมพู ฟรุตตี้ รอง กก.ผอ.สายงานมิวสิค คอนเท้นท์ โปรดักชั่น พร้อมด้วย 4 สาววงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่(น.ส.วนิดา เติมธนาภรณ์-กิ๊ฟท์ซี่ ,น.ส.ปิยา พงศ์กุลภา-กิ๊ฟท์ซ่า ,น.ส.มนันยา ลิ่มเสถียร-เบลล์ ,น.ส.ภัทรนันท์ ดีรัศมี-แนนนี่) ได้เปิดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 17 เม.ย. โดยอ้างว่า จริงๆ แล้ว 4 สาวดังกล่าวไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ เพียงแต่เสนอตัวเข้าร่วมงานแถลงข่าวมหกรรมสงกรานต์ 4 ภาคของกระทรวงวัฒนธรรม จะได้ช่วยสืบสานวัฒนธรรม แต่เมื่อมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ตนและวงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ก็ขอแสดงความเสียใจ และหากเหตุการณ์นี้ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมเสียหาย ก็ขออภัยด้วย นายสุทธิพงษ์ ยังชี้ด้วยว่า การที่วงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ มีแนวเพลงเซ็กซี่ ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่รณรงค์วัฒนธรรมไทย และแม้จะแต่งตัวเซ็กซี่ ก็ยังมีสิทธิเป็นคนไทย ดังนั้นสังคมควรจะเปิดใจคุยกันว่า กำลังกีดกันหรือปิดกั้นเด็กจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมหรือไม่ ด้าน น.ส.ปิยา พงศ์กุลภา หรือกิ๊ฟท์ซ่า 1 ใน 4 สาววงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ยืนยันว่า ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่วงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ทำ เป็นภาพที่ขัดแย้ง เพราะคนคนหนึ่งสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ขณะที่ น.ส.วนิดา เติมธนาภรณ์ หรือกิ๊ฟท์ซี่ ก็ยืนยันว่า ชุดที่พวกตนใส่ตอนโชว์จะดูโป๊ หากใส่ไปเล่นน้ำสงกรานต์ แต่เมื่อใส่ในการร้องเพลงโชว์ก็ถือว่าเหมาะสมกับงาน และคนดูก็มีความสุข

7 วันสงกรานต์ตายพุ่ง 368 เจ็บกว่า 4 พัน พิษณุโลกครองแชมป์ 25 ศพ!
“เกิร์ลลี่ เบอร์รี่” ขอโทษ วธ.ยันแต่งชุดหวิวโชว์วันสงกรานต์ไม่โป๊!

กำลังโหลดความคิดเห็น