“นุ่น วรนุช” ออกตัว จะเซ็กซี่อย่างระมัดระวัง เพื่อรักษาเกียรติยศตำแหน่งรองโฆษก วธ.แจงที่ผ่านมาดูแลภาพลักษณ์อย่างดีมาตลอด ไม่ใช่เพิ่งตื่นตัว พร้อมติง “เกิร์ลลี่ เบอร์รี่” ทำตัวไม่เหมาะสม วอนต้นสังกัดควรคุมเข้มมากขึ้น ก่อนเปิดใจ สุดปลื้มกับตำแหน่งที่ทำให้ได้รับใช้ชาติ สัญญาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดจนหมดวาระ
หลังจากที่กระทรวงวัฒนธรรม ออกมาอัดพรีเซ็นเตอร์จำเป็น อย่าง 4 สาว เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ นักร้องจากค่ายอาร์เอส อันประกอบไปด้วย กิ๊ฟซ่า (ปิยา พงศ์กุลภา) กิ๊ฟซี่ (วนิดา เติมธนาภรณ์) แนนนี่ (ภัทรนันท์ ดีรัศมี) และ เบลล์ (มนัญญา ลิ่มเสถียร) ทำตัวไม่เหมาะสม เหตุแต่งตัววาบหวิวไปเต้นยั่วยวนล่อแหลม บริเวณถนนข้าวสาร ในงานวันสงกรานต์ที่ผ่านมา ทั้งที่เสนอตัวมาเป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์สวมใส่ชุดผ้าไทยเล่นน้ำสงกรานต์ ให้กับกระทรวงวัฒนธรรม แต่กลับแหกคอกซะเอง
จากกรณีดังกล่าว นอกจากจะทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จน 4 สาวถูกสังคมสับเละแล้ว ยังทำให้ 3 สาว รองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม อย่าง นุ่น วรนุช วงษ์สวรรค์, แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ และ เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เนื่องจากตำแหน่งที่ได้มาเกิดจากการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ดังนั้น ข้อจำกัดต่างๆ ก็ย่อมที่จะเข้มข้นมากขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องของการแต่งโป๊โชว์เปลือย
อย่างไรก็ตาม นางเอก “นุ่น วรนุช” ได้เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวกับ “บันเทิงออนไลน์” โดยบอกว่าอาจจะไม่ผิดในแง่การทำงานเป็นศิลปิน แต่ทว่าในแง่ที่ 4 สาวเป็นพรีเซ็นเตอร์นั้น มันผิดอย่างเถียงไม่ขึ้น พร้อมทั้งยังได้กล่าวถึงการทำงาน และวาระแห่งชาติในฐานะรองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม
“ก่อนอื่นต้องบอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติและรู้สึกดีใจค่ะ เพราะว่าจริงๆ นุ่นเองก็เรียน และมีความรู้ทางด้านนี้มาพอสมควร นุ่นเองก็จบมาทางด้านนี้อยู่แล้ว เท่าที่ทราบคือกว่าจะได้มาแต่ละคนก็มีการคัดเลือกคุณสมบัติต่างๆ ก็รู้สึกว่าโชคดีที่มีโอกาสที่ได้ทำงานช่วยชาติด้วย เพราะการทำงานตรงนี้ไม่มีเงินเดือนอยู่แล้ว ทำงานด้วยใจ”
“ตอนแรกที่ติดต่อมาก็ยังไม่ค่อยมีเวลาว่าง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องทำงานทุกวัน มันไม่ใช่งานประจำที่ต้องเข้าทุกวันทำงานเหมือนราชการ แต่เรามีส่วนที่จะประชาสัมพันธ์งานของกระทรวง ของประเทศไทยได้ รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่เราอยากทำ แล้วก็ตรงกับที่เราทำอยู่แล้ว ไม่เสียกับการที่เราเรียนมา มีความรู้ทางด้านนี้ เราก็ยินดีที่จะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในส่วนตรงนี้ให้คนหันมาสนใจมากขึ้น เราก็เป็นวัยรุ่น เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความใส่ใจ ความรักในวัฒนธรรมไทยของเรา”
“อันนี้เป็นงานช่วยเหลือสังคมจริงๆ เพราะอย่างที่บอกไปว่ามันไม่ได้อะไร มันได้ความภาคภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย เราได้สร้างชื่อเสียงให้กับคนไทย กับประเทศไทย เพราะอย่างปีที่แล้วที่นุ่นทำโครงการทูตน้อยวัฒนธรรมไทย ก็อาจจะตรงกัน แล้วปีนี้นุ่นคิดว่านุ่นก็จะทำอีกเหมือนกัน ก็จะมีการคัดเลือกเด็กของ 4 ภาค เหนือ กลาง อีสาน ใต้ ซึ่งจัดประกวดเป็นศิลปะประจำแต่ละภาค ที่เป็นต้นฉบับของแต่ละภาคเลย แล้วก็คัดเลือกเด็กไปโชว์ความสามารถที่ต่างประเทศ เพราะนุ่นคิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดี”
“ในจุดนึงเราทำงานด้านนี้อยู่แล้ว ถ้าเกิดเรามีส่วนประชาสัมพันธ์อะไรได้มากขึ้น นุ่นก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชน เพราะบางทีเขาไม่มีช่องทาง เด็กไทยมีความสามารถเยอะนะคะ แต่บางทีเราขาดช่องทาง ขาดโอกาส ขาดคนสนับสนุน นุ่นว่าการได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ”
หน้าที่หลักคือ การออกเผยแพร่วัฒนธรรมไทย แต่หากสามารถทำได้เจ้าตัวก็อยากมีส่วนร่วมไปในทุกภาคส่วน จนกว่าจะหมดวาระ เพื่อที่อยากจะเห็นประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
“รณรงค์และประชาสัมพันธ์ในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยค่ะ ก็จะมีการแบ่งสายหน้าที่กันไป อย่างของเบนซ์ก็จะดูแลในส่วนของครอบครัว ความเป็นไทย ส่วนนุ่นมองว่าจริงๆ แล้วทุกคนสามารถที่จะเผยแพร่ในทุกด้านได้หมดเลยถ้ามีโอกาส”
“ในส่วนของนุ่นจะเน้นหนักด้านวัฒนธรรมไทยค่ะ อย่างศิลปะการแสดงต่างๆ อย่างเกี่ยวกับประเพณีวันสงกรานต์ วันสำคัญของประเทศไทยทางภาคต่างๆ คือ ไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นงานนี้ๆ ในเมื่อเรามาร่วมมือช่วยกันทำ ในส่วนนี้แล้วก็คงต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หรืออาจจะไม่ใช่งานของกระทรวงวัฒนธรรมอย่างเดียวก็ได้ อาจจะเป็นของกระทรวงอื่นๆ ก็ได้”
“ส่วนระยะเวลาก็คงตามวาระของรัฐบาลค่ะ แต่เราก็เป็นแค่คนเสียงน้อยๆ คนนึง ที่มีโอกาสได้มาทำตรงนี้ เราไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องของการเมือง นุ่นมองว่ามันเป็นการส่งเสริมสังคม ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย”
เผยภูมิใจที่ทำสำเร็จมาแล้ว 4 งาน บอกอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าตนมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างจริงจัง ให้สมกับที่ได้รับการแต่งตั้งผู้ใหญ่ไว้วางใจ
“ที่ผ่านมานุ่นไปร่วมรณรงค์ในเรื่องของวันสงกรานต์ ไปภาคเหนือมาด้วย ที่ลำพูนแล้วก็มีงานอาหารไทย เขาจะมีการจัดสัมมนาวิชาการ นุ่นก็ได้ไปช่วยงานแล้วก็ไปเป็นวิทยากร ผู้ดำเนินรายการ อย่างที่บอกว่าไม่ใช่ว่าเขาเลือกมาแล้วเราเป็นทูต เป็นรองโฆษกฯอย่างเดียวนะ คืออยากให้เห็นว่านุ่นก็ทำงานมาจริงๆ เพราะว่าตั้งแต่ที่ได้รับแต่งตั้ง นุ่นก็ทำงานไป 4 งานแล้ว ก็รู้สึกว่ามันก็ดีค่ะ มันก็ได้ความรู้อื่นๆ เยอะ อย่างที่บอกไปว่าสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน”
“ทำให้ได้เจอกับผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ก็มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ ก็ได้ความรู้ใหม่ที่บางทีเราไม่เคยรู้มาก่อน นุ่นก็ว่ามันเป็นเรื่องที่ดีค่ะ อย่างเรื่องข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานนุ่นก็จะคุยกับพวกพี่ๆ หรือผู้ใหญ่ทางหน่วยงานราชการ ทางกระทรวงเยอะขึ้น ถ้าเกิดวันไหนที่เขามีประชุมถ้าว่าง เราก็จะไปร่วมประชุมต่างๆ เพราะอย่างบางทีนุ่นเองก็จะมีพี่ๆ นักข่าวมาสัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นต่างๆ อย่างเรื่องของเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ เราก็ต้องรู้ข้อมูลทั้งหมดว่าคืออะไร ต้องตอบได้ เราไม่ได้แค่ตำแหน่งแต่เราทำงานจริงๆ”
พร้อมกับชี้แจงกรณี เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ทำฉาวโฉ่ว่า ทางต้นสังกัดอย่างอาร์เอส หรือแม้แต่ 4 สาวเองควรจะดูกาลเทศะ และไตร่ตรองเรื่องความเหมาะสมของการทำงานให้เข้มข้นกว่านี้ ก่อนจะทำอะไรลงไปให้คำนึงถึงด้วยว่า สังคมมีสิทธิพิพากษาการกระทำเหล่านั้นได้
“บางทีมันก็เป็นเรื่องเซ้นซิทีฟเหมือนกัน คือเราต้องแยกในเรื่องของสายงานต่างๆ ตามที่ได้คุยกับทางกระทรวงฯ คือทางอาร์เอสเขาติดต่อที่จะมาร่วมงานในส่วนหนึ่ง แต่ถามว่าเกิร์ลลี่ เบอร์รี่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของวันสงกรานต์หรือเปล่า นุ่นขอตอบว่าไม่ใช่ แต่ว่าเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเชิญชวนทุกคนมาอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย แต่ในส่วนของวันสงกรานต์ที่มีภาพออกมา ก็เป็นเรื่องงาน เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ของทางอาร์เอสที่เขาจัดขึ้นมา อันนี้นุ่นมองว่าก็เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ ที่ต้องเคลียร์กันมากกว่า จากที่นุ่นได้ไปรับรู้ในส่วนลึกๆ ตรงนั้น”
“ถ้าถามนุ่นว่าเป็นการกระทำที่ผิดมั้ย นุ่นว่าผิดในแง่ของภาพลักษณ์ แต่ถ้าผิดในแง่ของการทำงานมั้ย นุ่นว่าคงไม่ผิด ในแง่ของภาพลักษณ์ต่างๆ ต้นสังกัดก็ควรจะระมัดระวังมากขึ้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปแล้ว สังคมสามารถตัดสินเราได้ นุ่นคงไม่สามารถตอบได้ว่าอันนี้ถูกอันนี้ผิด ทุกอย่างก็คงต้องขึ้นอยู่กับทางผู้ใหญ่ที่จะมีการเจรจากัน”
“อย่างเมื่อวานที่อยู่ในกลุ่มที่ทำงานกระทรวงฯ ก็จะมีการออกความคิดเห็นว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็น่าจะมีการคุยกันกับอาร์เอส และทางผู้ใหญ่มากกว่า ว่าคุณรับปากมาแบบไหน คุยกันยังไงตั้งแต่แรก เพราะนุ่นเองไม่ได้รับปากกับทางอาร์เอสโดยตรง ก็คงตอบตรงนี้ไม่ได้ค่ะ น่าจะให้ผู้ใหญ่ตอบดีกว่า”
ขนาดแค่ร่วมรณรงค์ประเพณีสงกรานต์อย่าง "เกิร์ลลี่เบอรี่" ยังโดนถล่มเละ นับประสาอะไรกับมีตำแหน่งรองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรมพ่วงท้ายด้วยอย่างนุ่น ถ้าเกิดโชว์หวิวแต่งตัวเซ็กซี่โชว์ตู้มขึ้นมาเมื่อไหร่ คงได้โดนวิพากษ์วิจารณ์แน่ อย่างไรก็ตามเจ้าตัวก็ไม่ได้รับปากว่าจะงดแต่งตัวเซ็กซี่ หากแต่จะทำให้ถูกต้องตามกาละเทศะ
“จริงๆ นักแสดงทุกคนเป็นตัวอย่างของประชาชนอยู่แล้ว คือนุ่นมองว่าทุกอย่างต้องทำให้ถูกกาลเทศะ แต่ชีวิตประจำวันนุ่นก็ยังใช้ชีวิตเป็นวัยรุ่นปกติ ก็ยังอยากแต่งตัว อยากสวยตามปกติ แต่ถ้าเกิดเราทำงานแล้วเราก็ต้องทำให้ถูกหลักกาลเทศะ สมมติเป็นสถานที่ราชการเราก็ควรจะแต่งตัวให้ถูกต้อง ทุกอย่างต้องให้เป็นไปตามกาลเทศะค่ะ”
“ในส่วนตัวนุ่นระวังตรงนี้อยู่แล้ว และเป็นคนที่ไม่หวืออยู่แล้ว ปกติในการรับงานนุ่นก็จะดูอย่างละเอียด ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมาทำเอาตอนนี้”
“ส่วนถ้าแต่งตัวเซ็กซี่จะโดนลงโทษหรือเปล่า เรื่องบทลงโทษหรือมาตรการควบคุม ทางผู้ใหญ่ยังไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ค่ะ เพราะจริงๆ แล้วเราก็เคารพในการทำงานของแต่ละคน ซึ่งตัวนุ่นเองก็ถือเป็นนักแสดง ศิลปินรุ่นใหม่ แต่นุ่นก็ยังชอบยังรักความเป็นไทย แต่เราไม่ได้หมายความว่าไม่แสดงความเป็นตัวตนของตัวเอง เรายังมีการเป็นเด็ก ยังใช้ชีวิตตามปกติอย่างคนทั่วๆ ไปอยู่ เพราะนุ่นก็ยังเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งเหมือนกัน"
"แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตำแหน่งนี้จะทำให้นุ่นใช้ชีวิตกดดันอะไร เพราะเราก็ดูแลตัวเองอย่างดีมาตลอด และนุ่นก็ภูมิใจกับงานนี้มากด้วย”