รองเลขาธิการสภาพัฒน์ เสนอรัฐบาลใหม่ส่งเสริมเศรษฐกิจกลุ่มฐานรากและธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปี 51 รับมือปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้พึ่งพิงส่งออกได้น้อยลง แนะเพิ่มศักยภาพสินค้าโอท็อปให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีกำลังซื้อ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวในงานสัมมนาในหัวข้อ “หลังเลือกตั้ง เศรษฐกิจไทยฟื้นจริงหรือ” ซึ่งจัดโดยบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ว่า รัฐบาลใหม่จะต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและเอสเอ็มอี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ เนื่องจากประเทศไทยไม่สามารถพึ่งพิงการส่งออกจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เหมือนกับปีที่แล้ว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ดังนั้น การทำให้กลุ่มรากหญ้าและกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มีรายได้ จะทำให้เกิดการจับจ่าย ทาง สศช. เห็นว่าควรดำเนินโครงการโอท็อปต่อเนื่อง และสร้างความหลากหลายในกลุ่มสินค้า ให้ตอบสนองกำลังซื้อในวัยทำงานที่เปลี่ยนไป โดยจะนำเสนอแนวคิดนี้ต่อรัฐบาลใหม่ นอกจากนี้ยังเห็นว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับสินค้าภาคเกษตร โดยเฉพาะพืชทางเลือกที่จะนำไปผลิตพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง หากทำได้ จะทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกน้อยลง
ด้านนายมงคล กิตติภูมิวงศ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐ จะทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จึงแนะนักลงทุนให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนกรณีที่ต่างชาติเทขายหุ้นในไทยมาโดยตลาด เนื่องจากต้องการนำเงินไปเสริมสภาพคล่องจากปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) หากชดเชยได้เพียงพอ เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาดีอีกครั้ง เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังมีราคาไม่สูงมาก จึงเชื่อว่าเป็นการไหลออกของเงินเพียงระยะสั้นเท่านั้น
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวในงานสัมมนาในหัวข้อ “หลังเลือกตั้ง เศรษฐกิจไทยฟื้นจริงหรือ” ซึ่งจัดโดยบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ว่า รัฐบาลใหม่จะต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและเอสเอ็มอี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ เนื่องจากประเทศไทยไม่สามารถพึ่งพิงการส่งออกจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เหมือนกับปีที่แล้ว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ดังนั้น การทำให้กลุ่มรากหญ้าและกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มีรายได้ จะทำให้เกิดการจับจ่าย ทาง สศช. เห็นว่าควรดำเนินโครงการโอท็อปต่อเนื่อง และสร้างความหลากหลายในกลุ่มสินค้า ให้ตอบสนองกำลังซื้อในวัยทำงานที่เปลี่ยนไป โดยจะนำเสนอแนวคิดนี้ต่อรัฐบาลใหม่ นอกจากนี้ยังเห็นว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับสินค้าภาคเกษตร โดยเฉพาะพืชทางเลือกที่จะนำไปผลิตพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง หากทำได้ จะทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกน้อยลง
ด้านนายมงคล กิตติภูมิวงศ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐ จะทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จึงแนะนักลงทุนให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนกรณีที่ต่างชาติเทขายหุ้นในไทยมาโดยตลาด เนื่องจากต้องการนำเงินไปเสริมสภาพคล่องจากปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) หากชดเชยได้เพียงพอ เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาดีอีกครั้ง เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังมีราคาไม่สูงมาก จึงเชื่อว่าเป็นการไหลออกของเงินเพียงระยะสั้นเท่านั้น