ฟินโนมีนาจ่อรุกธุรกิจหุ้นกู้ มั่นใจช่วยนักลงทุนฝ่าวิกฤตความเชื่อมั่นด้วยที่ปรึกษาการลงทุน มีการวิเคราะห์ แกะงบแบบละเอียดยิบ พร้อมตั้งเป้า AUA กองทุนแตะ 4.5 หมื่นล้านภายในปีนี้ จ่อรีแบรนด์ใหม่ตอบโจทย์นักลงทุนมากขึ้น พร้อมชี้เป้าลงทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ อินเดีย-จีน ส่วนหุ้นไทยยังขาดปัจจัยพื้นฐานใหม่
นายเจษฎา สุขทิศ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน. ฟินโนมีนา) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่จัดตั้ง บลน.ฟินโนมีนาในปี 2558 ได้ดำเนินธุรกิจจนถึงปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 9 แล้ว มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUA) รวมทั้งสิ้น 39,000 ล้านบาท คาดสิ้นปี 2567 AUA เติบโตต่อเนื่องแตะที่ระดับ 45,000 ล้านบาท จากการไหลเข้ามาของกลุ่มนักลงทุนในฝั่งไพรเวตแบงกิ้งของสถาบันการเงิน ด้วยแผนการลงทุนที่ฟินโนมีนานำเสนอถึง 40 แผนการลงทุน ทำให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงภายใต้ความเสี่ยงที่รับได้
ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้ารวม 140,000 บีญชี ในจำนวนนี้มีบัญชีที่แอ็กทีฟทั้งสิ้น 90,000 ราย ด้วยกลยุทธ์การจัดพอร์ตที่ครอบคลุมทุกความเสี่ยง บริษัทจึงตั้งเป้าหมายลูกค้าแอ็กทีฟปีนี้เพิ่มเป็น 100,000-120,000 ราย โดยยังคงปักหมุดผลักดันฐานลูกค้ารวมแตะ 1 ล้านรายให้ได้ พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มช่องทางทางการเงิน ทั้งในรูปของบริการ อาทิ การเพิ่มบัญชีเงินฝากผ่านลิงก์ฟินโนมีนา โดยร่วมมือกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในช่วงกลางปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนร่วมมือกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งในการทำโปรเจกต์เปิดเสนอขายหุ้นกู้เอกชนไทยในตลาดแรก พร้อมแผนในส่วนของหุ้นกู้ในตลาดรองในระยะถัดไป ขณะเดียวกัน ฟินโนมีนาได้จัดตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เดฟินิท จำกัด ในการให้ความรู้และวิเคราะห์การลงทุนในเชิงลึก โดยเฉพาะหุ้นกู้ที่มีการวิเคราะห์แบบรายวันเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนตราสารดังกล่าว โดยความร่วมมือดังกล่าวจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในระยะถัดไป พร้อมกันนี้ ในวันที่ 6 มี.ค. 2567 ฟินโนมีนาจัดงานรีแบรนด์ครั้งใหญ่
“เราเข้ามาในธุกิจหุ้นกู้ตอนมีปัญหาเพราะมีโอกาส เรามองว่าที่ผ่านมาเน้นแต่การขาย แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลและคำปรึกษาที่มากเพียงพอซึ่งเรามองว่าเป็นช่องว่างที่เราเข้าไปได้ โดยมีบริษัทที่ปรึกษาแนะนำการลงทุนในหุ้นกู้เพื่อคัดกรองการลงทุนในหุ้นกู้ เราการันตีไม่ได้ว่าจะไม่เกิดเหตุ แต่ไม่มีใครวิเคราะห์รายวัน และแกะงบทุกรายไตรมาสแบบเรา เราต้องการเป็นที่พึ่งให้แก่นักลงทุน ซึ่งต่อไปเราจะมีบริการอื่นเพิ่มเติมด้วย ทั้งการแนะนำการลงทุนในหุ้นกู้ และฝากเงินในแอปฯ ฟินโนมีนาได้ในช่วงครึ่งปีหลัง” นายเจษฎากล่าว
*แนะหุ้นอินเดีย-ตลาดเกิดใหม่**
นายชยนนท์ รักกาญจนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนฟินโนมีนา จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในกองตราสารหนี้ต่างประเทศยังคงน่าสนใจและมีผลตอบแทนอยู่ประมาณ 5-6% จากอัตราดอกเบี้ย ค่าเงิน และแคปปิตอลเกน หากมีการทยอยลดอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่าในส่วนของค่าเงินดอลลาร์ยังคงจะแข็งค่าจนกว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ กับไทยจะลดน้อบลงกว่าปัจจุบัน
ส่วนการลงทุนในตราสารทุน บริษัทให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นต่างประเทศมากกว่าหุ้นไทยเนื่องจากหุ้นไทยมีโอกาสที่ต่างชาติจะออกอยู่ และถ้าไม่มีโฟลว์ใหม่เข้ามาก็ออกอีก เรามองปัจจัยพื้นฐานหุ้นไทยไม่น่าสนใจในช่วงนี้ โดยหุ้นต่างประเทศมากกว่าเราเห็นโอกาสในตลาดเกิดใหม่ทั้งในอินเดีย และจีน
เรามอง EM มากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นอินเดียที่ MSCI ปรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นจาก 13 เป็น 18% ซึ่งถ้าใครยังไม่มีก็ควรเข้า เพราะทุกอย่างดูยังมีสเถียรภาพ โดยการเลือกตั้ง US ถ้าเป็นทรัมป์จะเจอมาตรการเทรดวอร์ที่มากขึ้น ซึ่งอินเดียจะไม่ได้รับผลกระทบนี้ แต่จะส่งผลกระทบต่อจีนมากกว่า
ส่วนหุ้นจีน มองว่าตกมาด้วยมาตรการของภาครัฐ ซึ่งถ้าเห็นท่าทีที่ผ่อนคลาย ทำให้หุ้นในตลาดจีน ทั้งเอแชร์ เอชแชร์เริ่มกลับมา หุ้นจีนราคาปรับลงมาตลอด เริ่มเห็นการบริโภคที่กลับมามากขึ้น จีนต้องดูเป็นชอร์ตตามมาตรการที่ออกมา และตอนนี้ก็เริ่มปรับขึ้นไปแล้วประมาณ 10%