นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมตลาดการลงทุนในปัจจุบันจะยังคงเผชิญกับความผันผวนอยู่ แต่เศรษฐกิจโลกก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดี ถึงแม้จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงก็ตาม ดังนั้น การกระจายลงทุนในรูปแบบของกองทุนรวมผสมในสินทรัพย์คุณภาพดีทั่วโลก ทั้งตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก จึงเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวจากทุกสภาวะตลาด บริษัทฯ จึงได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิดกรุงไทย World Class (ชนิดเพื่อการออม) (KTWC Series SSF) ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2566 นี้เป็นต้นไป เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้เลือกลงทุนให้ตรงกับเป้าหมายการลงทุน และระดับความเสี่ยงที่รับได้ โดยสามารถลงทุนได้ผ่านธนาคารกรุงไทย รวมถึงแอปพลิเคชัน Next และ KTAM Smart Trade
KTWC Series SSF เป็นกองทุนผสมที่มีให้เลือกลงทุนตามเป้าหมายการลงทุน และระดับความเสี่ยงที่รับได้ถึง 3 กองทุน คัดเลือกกองทุนชั้นนำระดับโลกที่มีคุณภาพดี เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม และ/หรือกองทุนรวม ETF ในต่างประเทศทั้งในตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ทรัพย์สินทางเลือก เงินฝาก หรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก นอกจากนี้ อาจลงทุนในกองทุน Infra และ/หรือ กองทุน Property และ/หรือหน่วย Private Equity ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนอย่างน้อยตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยบริษัทจัดการจะมอบหมายให้ FIL Investment Management (Hong Kong) Limited ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Fidelity International เป็นผู้รับมอบหมายงานด้านการจัดการลงทุน โดยไม่รวมในส่วนการลงทุนเพื่อสภาพคล่อง ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการลงทุน
สำหรับกลุ่มกองทุน KTWC Series (ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5) ประกอบด้วย 3 กองทุน ได้แก่ 1) กองทุนเปิดกรุงไทย World Class Defensive (ชนิดเพื่อการออม) (KTWC-DEFENSIVE-SFF) มีกรอบการลงทุนเฉลี่ยระยะยาวในตราสารหนี้ 85% หุ้น 15% เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ* 2) กองทุนเปิดกรุงไทย World Class Moderate (ชนิดเพื่อการออม) (KTWC-MODERATE-SSF) มีกรอบการลงทุนเฉลี่ยระยะยาวในตราสารหนี้ 50% หุ้น 50% เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง* และ 3) กองทุนเปิดกรุงไทย World Class Growth (ชนิดเพื่อการออม (KTWC-GROWTH-SSF) มีกรอบการลงทุนเฉลี่ยระยะยาวในตราสารหนี้ 20% หุ้น 80% เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง* โดยสัดส่วนการลงทุนทั้ง 3 กองทุนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน (ที่มา: KTAM และ Fidelity International ข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ย. 2566) (หมายเหตุ *ไม่ใช่ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ตามผลประเมิน Suitability)
จุดเด่นของกลุ่มกองทุน KTWC Series SSF มาจากการคัดสรรการลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนระดับโลก ด้วยกระบวนการลงทุนที่นำมาใช้ประกอบด้วยวิธีการหลากหลายเข้าด้วยกัน อิงจากการวิเคราะห์อย่างละเอียดตามขั้นตอน ประกอบด้วย 3 กระบวนการหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่ 1) การออกแบบ (Design) ด้วยการกำหนดสัดส่วนการลงทุนในระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Asset Allocation : SAA) โดยให้ความสำคัญต่อกระบวนการและผลลัพธ์ที่ได้จากการลงทุนในระยะยาว 2) การคัดเลือก (Select) กลยุทธ์และเครื่องมือในการลงทุนผ่านกระบวนการที่เข้มงวด โดยใช้การวิเคราะห์เชิงลึก ทั้งการวิเคราะห์เชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ และ 3) ปรับปรุง (Adjust) ด้วยการปรับสัดส่วนการลงทุนไปตามสภาวะตลาด (Tactical Asset Allocation : TAA) โดยใช้การวิจัยและมุมมองเชิงมหภาค ผสมผสานทั้งการลงทุนในระยะสั้น กลาง และยาวให้เหมาะสม
“เราได้เห็นโอกาสการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวในกองทุนผสม จึงได้เดินหน้าเปิดขาย KTWC Series SSF ต่อเนื่องหลังจากที่ได้รับเสียงตอบรับจากนักลงทุนที่ให้ความสนใจจากการเปิดขาย KTWC Series ชนิดสะสมมูลค่าไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และด้วยความเชี่ยวชาญระดับโลกด้านการลงทุนในการจัดการพอร์ตโฟลิโอของ Fidelity International ร่วมกับเครือข่ายที่กว้างขวาง และเข้าใจความต้องการของนักลงทุนไทยอย่างถ่องแท้ของ บลจ.กรุงไทย และธนาคารกรุงไทย จึงทำให้สามารถเข้าถึงสินทรัพย์การลงทุนได้อย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น ดังนั้น KTWC Series SSF นับว่าเป็นอีกกองทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งกองทุนนี้จะเป็นตัวช่วยเสริมพอร์ตให้แกร่งพร้อมสร้างโอกาสเติบโตระยะยาว เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตยามเกษียณได้” นางชวินดากล่าว