xs
xsm
sm
md
lg

ดาโอคาดกำไรปีนี้กลับมาโต ชี้จีนเปิดประเทศหนุนหุ้นไทยบางกลุ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลุ่มธุรกิจดาโอคาดปีนี้กำไรโต ทุกธุรกิจเดินหน้าสร้างรายได้ โดยเฉพาะกองทรัสต์โต 10-15% ส่วน บลจ. AUM คัมแบ็กแตะ 8 พันล้าน ระบุหุ้นไทยปีนี้อัปไซด์น้อยแต่ยังมีโอกาสในหุ้นรายตัวรับท่องเที่ยวคึก  จีนเปิดประเทศ

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน ดาโอ (ประเทศไทย) หรือ DAOL เปิดเผยว่า ผลประกอบการกลุ่มธุรกิจปีนี้มั่นใจกลับมามีกำไร หลังจากที่ช่วงปีที่ผ่านมารับว่าผลกำไรหดตัวลง โดยกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หลักยังคงเป็นธุรกิจจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แต่ในปีนี้ธุรกิจรับบริหารกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) กลับมาโดดเด่นในการสร้างกำไร คาดว่าเติบโตประมาณ 10-15% หรือมีกำไรเพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท จากปี 2565 กำไรอยู่ที่ 5-10% เท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องทำให้สินทรัพย์นี้มีความน่าสนใจในการลงทุนสูง พร้อมกันนี้ มีแผนออกกองรีทใหม่เน้นลงทุนในสินทรัพย์โรงแรม

ส่วนธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกันยังเติบโตต่อเนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมา สิ้นปี 2566 สินเชื่อมีโอกาสเติบโตสูงถึง 6,000-7,000 ล้านบาท จากยอดสินเชื่อในปัจจุบันอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจนายหน้าขายประกันเติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกัน กับธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) อย่างไรก็ตาม ทั้งสองธุรกิจยังต้องใช้เวลาในการเติบโตเพื่อสร้างผลกำไร

สำหรับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด มั่นใจสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปีนี้จะกลับมาเติบโตสูงถึง 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ AUM อยู่ที่ระดับ 6,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท ส่วนการปรับโครงสร้างธุรกิจดาโอยังอยู่ระหว่างพิจารณาและข้อสรุป

ขณะที่นางสาวนิสารัตน์ ชมภูพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด หรือ บลจ.ดาโอ (DAOL INVESTMENT MANAGEMENT) กล่าวว่าหุ้นไทยเดือนกว่าขึ้นมาแล้วประมาณ 7% อาจต้องมีการพักฐานบ้าง และกลับมาดูปัจจัยที่น่าจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นคือเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่คาดว่าน่าจะไม่เกิน 5.25% ตามคาดการณ์ประกอบกับการแข็งค่าของดอลลาร์อาจทำให้ในระยะสั้นตลาดดีดตัวลงได้นิดหน่อย อย่างไรก็ตาม เรายังมองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อเพราะอัตราดอกเบี้ยน่าจะใกล้จุดสูงสุดแล้ว เพราะเงินเฟ้อเท่าที่เห็นมีการปรับตัวลดลงแล้วและภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เคยกังวลก็น่าจะไม่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยการเปิดประเทศของจีนถือว่าส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนในปีนี้แนะนำให้มีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศมากกว่าหุ้นไทยหลังจากในปีที่ผ่านมาปรับตัวดีกว่าตลาดต่างประเทศ ประกอบกับราคาหุ้นไทยที่ P/E 18 เท่าถือว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับหุ้นโลกที่อยู่ประมาณ 15 เท่า

“หุ้นไทยปีนี้อัปไซด์คงมีจำกัด เรามองดัชนีที่แถวๆ 1,700-1,750 จุด พอขึ้นมาก็มีการปรับตัวบ้าง แต่ถ้าดูแค่กุมภาพันธ์เดือนเดียวต่างชาติก็ขายไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากกำไรค่าเงินด้วย ซึ่งฟันด์โฟลว์อาจจะต้องรอให้ค่าเงินบาทอ่อนลงกว่านี้อีกสักหน่อยอาจจะกลับมาได้ โดยอาจเห็นได้ในช่วงๆ จากการที่นักลงทุนต่างชาติขายทำกำไรและนำเงินกลับ”

อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยยังมีโอกาสในการลงทุนอยู่ เนื่องจากในปีนี้จะมีเพียงไม่กี่ประเทศที่กลับมาเติบโตได้ดี นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์จากกการเปิดประเทศของจีน โดยหุ้นกลุ่มที่น่าลงทุน เช่น ท่องเที่ยว โรงแรม และหุ้นที่เกี่ยวข้องการเปิดประเทศ

การลงทุนในหุ้นไทยยังต้องรอจังหวะให้ผ่านช่วงที่มีความคาดหวังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไปก่อน ซึ่งอาจจะเป็นหลังไตรมาสที่ 1 เพราะหุ้นใหญ่ยังมีบริษัทน้ำมันที่ได้รับผลกระทบอยู่ แต่กลุ่มแบงก์อาจฟื้นตัวดีขึ้นได้บ้าง ขณะที่หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวน่าจะปรับตัวได้ดีกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น