xs
xsm
sm
md
lg

“แรบบิทแคร์” แคร์ทุกความต้องการรับปีเถาะ ชู "Localization" เจาะลูกค้าองค์กร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เริ่มต้นปีกระต่ายกับ "แรบบิท แคร์" แพลตฟอร์มโบรกเกอร์ประกันภัย (InsurTech) และผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน (FinTech) ออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทยที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบและซื้อประกันภัยและผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้อย่างสะดวกสบาย และตรงต่อความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แรบบิท แคร์ มีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายครอบคลุมทั้งประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ประกันการเดินทาง ประกันภัยอื่นๆ ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อ

ไม่ใช่แค่ลูกค้าทั่วไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลูกค้าองค์กรด้วยที่กระต่ายตัวนี้ให้ความสำคัญ และมีผลิตภัณฑ์ให้บริการ เช่น ประกันภัยธุรกิจ ประกันภัยกลุ่ม และประกันอัคคีภัย เป็นต้น

เป็นที่มาว่าทำไมแรบบิทแคร์ ถึงต้องแคร์ทุกความต้องการเพื่อประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า

พิงพรรณ สัจจา ผู้อำนวยการฝ่ายประกันภัยธุรกิจองค์กร บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด บอกว่า แรบบิทแคร์มี CareOS เป็นระบบปฏิบัติการความแคร์ ที่ช่วยประมวลผลผลิตภัณฑ์ด้านประกันภัยและการเงินแบบ Omni-channel ที่ครบวงจรเต็มรูปแบบระบบแรกในประเทศไทยเพื่อดูแลลูกค้าทั่วไป แต่เราเองยังมีกลุ่มธุรกิจองค์กรที่ต้องดูแลด้วยเช่นกัน โดยธุรกิจหลักของแรบบิท แคร์ ด้าน Business-to-Business แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่หนึ่งคือประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับคน หมายถึงประกันสวัสดิการสุขภาพกลุ่มพนักงาน และกลุ่มที่สองคือประกันภัยที่ไม่เกี่ยวข้องกับคน เช่น ประกันภัยทรัพย์สิน และประกันภัยอื่นๆ เช่น ประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก และประกันความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่ของบริษัท รวมถึงประกันภัยไซเบอร์ (Cyber Security Insurance)

กลยุทธ์ของการดำเนินธุรกิจเราจะอิงกับคุณค่าขององค์กรของแรบบิท แคร์ โดยใช้แนวคิด “Think Globally and Act Locally” เนื่องจากแรบบิท แคร์ มีบุคลากรที่มีประสบการณ์จากบริษัทโบรกเกอร์ประกันภัยต่างประเทศ เมื่อเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยจึงต้องการที่จะทำให้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับประกันภัยเป็นเรื่องง่าย เพราะประกันธุรกิจมีความซับซ้อน ฉะนั้น เราจะลดความซับซ้อนและทำให้เรื่องประกันธุรกิจเป็นเรื่องง่ายขึ้น และคุ้มค่ามากขึ้น โดยจากผลตอบรับที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในทิศทางที่ค่อนข้างดี

**"เรามีเครื่องมือดีๆ อย่างแคร์โอเอส ผมจึงอยากอธิบายและนำมันมาขยายผลต่อ และต้องดูว่ามีตัวไหนบ้างที่ตอบโจทย์ลูกค้าองค์กร เรามีกรอบแนวคิดมาจากองค์กรระดับโลก แต่เราอยากให้คนไทยเข้าถึงง่าย ประกันองค์กรค่อนข้างซับซ้อนต้องมีการอธิบายเยอะ เราจะทำให้ลูกค้าใช้ประโยชน์ได้สูงสุดอย่างไรจึงเป็นโจทย์ของเรา"**

นอกจากนี้ แรบบิท แคร์ นำเสนอบริการในระดับ Global Standard ที่มีความเป็นมืออาชีพ เนื่องจากเรามาจากบริษัทโบรกเกอร์ประกันระดับโลก ทำให้เราใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาเชื่อมต่อกับความเป็นท้องถิ่น (Local) ซึ่งหมายรวมถึงคนในท้องถิ่น (Local People) และบริษัทระดับท้องถิ่น (Local Company) เพื่อทำให้ประกันภัยธุรกิจเป็นเรื่องที่เข้าถึงง่ายและเข้าใจง่าย

**ไม่ใช่แค่ราคา แต่ประสบการณ์ของลูกค้าก็สำคัญ**
พิงพรรณบอกถึงเรื่องนี้ว่า การคุยกับองค์กรไม่ใช่แค่มิติด้านเงื่อนไขและราคา แต่เราต้องเชื่อมต่อกับลูกค้าทั้งระบบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้า เราจินตนาการในการเชื่อมต่อประกันและขั้นตอนของประกันและเราเข้าไปในกระบวนการของลูกค้าอย่างไรให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า เป็นเส้นเรื่องที่เราจะเข้าคุยกับลูกค้าว่าอยากจะฟังไอเดียของเราไหม แต่ราคายังเป็นตัวหลักสำคัญในการไดรฟ์ว่าเราจะได้ลูกค้าหรือเปล่า แต่เรายังต้องเอาประสบการณ์ลูกค้ามาเป็นมูลค่าของเราด้วย

**"ถ้าเป็นประกันสุขภาพเราต้องดูแลประโยชน์ของทั้งสองฝั่ง คือ นายจ้าง และลูกจ้าง ในฝั่งนายจ้างเราจะดูราคาที่เหมาะสมที่สุดเพื่อลดต้นทุนของนายจ้างไม่ใช่แค่เทรนด์ของราคา แต่เราจะเจาะในฝั่งลูกจ้างด้วยว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับมีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น ประกันสุขภาพ ถ้าลูกจ้างมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินในส่วนไหนบ้าง เราจะต้องพยายามทำให้คุ้มค่าทั้งสองฝั่ง เช่นเมื่อดูแบบประกันแล้วอะไรที่ไม่คุ้มค่าแล้วจะยืดหยุ่นแล้วปรับสัดส่วนให้เหมาะสม ข้อมูลนี้เราจะมีการรวบรวมข้อมูลเอาไว้ นอกจากนี้ ในส่วนของถ้ามีการเคลมที่ลดลงเราก็จะนำข้อมูลเพื่อขอปรับลดเบี้ยให้แก่ฝั่งนายจ้างได้ด้วยเช่นกัน"**

**ภารกิจปีกระต่ายเชื่อม CareOS บริการ SME**
พิงพรรณบอกอีกว่า ปัจจุบัน Insurtech Innovations เข้ามีบทบาทมากขึ้นอีกในแง่ของช่องทางการขายและบริการประกันภัย ซึ่งเรามีแพลนที่จะพัฒนาระบบ CareOS เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่ม Business-to-Business เช่นเดียวกัน เราเข้าใจดีว่าการทำให้ Customer Journey เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพจะสร้างความโดดเด่นแก่ลูกค้าในกลุ่ม Corporate (B2B) Insurance ดังนั้น สำหรับแรบบิท แคร์ เราจึงชู Customer Journey Innovation ที่เป็นกลยุทธ์และทิศทางที่สำคัญของเรา ซึ่งทางเรามีประสบการณ์และประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบ CareOS ในกลุ่ม Business to Customer เพื่อให้เกิดการบริการอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Customer Experience)

สำหรับการพัฒนาในธุรกิจขนาดเล็กรูปแบบ SMEs อาจมีการให้บริการแพกเกจประกันภัยภายใต้ระบบ CareOS หลังจากที่มีระบบที่ดีแล้ว เราเข้าใจดีว่าลูกค้ายังต้องการคำแนะนำ ทางแรบบิท แคร์ จึงมีบริการให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย เพื่อให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า เพราะเราเข้าใจดีว่าเงื่อนไขและการใช้คำในกรมธรรม์นั้นแตกต่างกัน ลูกค้าอาจจะยังไม่เข้าใจ ซึ่งถือว่าเป็น customer pain point และอาจทำให้การตัดสินใจคลาดเคลื่อน จึงจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการอธิบาย โดยจะให้ลูกค้าเข้ามากรอกข้อมูลเอาไว้บนแพลตฟอร์มของเรา แล้วเราจะติดต่อกลับไปเพื่อแนะนำและให้คำอธิบายเพิ่มเติม เราจึงวางแผนที่จะนำ CareOS มาต่อยอดบริการด้านนี้ในปี 2023

**3 ปีรายได้โตเฉลี่ยปีละ 60%**
พิงพรรณบอกด้วยว่า ในช่วงโควิดที่ผ่านมา แม้ว่าบางบริษัทจะมีการลดจำนวนพนักงาน แต่แรบบิท แคร์โชคดีตรงที่ลูกค้าในพอร์ตโฟลิโอของเราส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ยังคงเติบโตมากท่ามกลางช่วงโควิด เช่น ธุรกิจดีลิเวอรี ทำให้ลูกค้าโตกว่าค่าเฉลี่ยปกติมากๆ และเราไม่มีลูกค้าที่ปิดตัวลงแม้แต่รายเดียว หรือในกรณีที่ลูกค้าเรามีการปรับลดพนักงานลง แต่ลูกค้าได้มีการแนะนำถึงบริการ ประโยชน์ที่ได้รับ และการที่แรบบิท แคร์ ช่วยลูกค้าในการประหยัด สู่องค์กรอื่นๆ แบบปากต่อปาก ก็ทำให้เราได้ลูกค้ารายใหม่หลายราย ทำให้เรามีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างดี

**นอกจากนี้ เราได้จัดทำแผนการดำเนินธุรกิจสำหรับระยะเวลา 3 ปี เพราะปัจจุบันเทรนด์เปลี่ยนไปเร็วมาก แผนที่เราวางไว้จะเป็นสำหรับปี 2020-2023 เราตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ต่อปี เฉลี่ยปีละประมาณ 60% ในช่วง 3 ปีนี้ โดยที่ปี 2021-2022 เราเติบโตสูงถึง 90% สำหรับปี 2022-2023 นั้น จะปิดปีงบประมาณในเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งแนวโน้มเป็นไปในทางที่ดี เราจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าปี 2023 นี้เราจะสามารถเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน**

สรุปแล้ว "แรบบิท แคร์" ไม่ใช่แค่กระต่ายทั่วไป แต่ยังเป็น InsurTech FinTech ที่สามารถดูแลกลุ่มลูกค้าองค์กรได้อย่างมืออาชีพ เช่นเดียวกับโบรกเกอร์ประกันภัยระดับโลก แต่ที่เหนือกว่านั้น...

พิงพรรณบอกทิ้งท้ายว่า หลักการเลือกบริษัทประกันภัย สิ่งแรกคือความมั่นคง มีทิศทางลงทุนเพิ่มหรือขยายผลเพิ่มไหม เทรนด์แบบนี้จะทำให้รู้ว่าเขาจะอยู่กับเราและอยู่กับลูกค้าของเราไปจนครบปีหรือเป็นระยะยาวในการเป็นพันธมิตรกัน 2. แนวโน้มของราคาเราต้องมีการเปรียบเทียบ เพราะบางช่วงเวลาแต่ละบริษัทราคาจะออกมาไม่เท่ากัน อาจมีการยืดหยุ่นกว่า แต่ไม่ใช่แค่ราคาเท่านั้นเพราะเราจะต้องดูด้วยว่าบริการเคลมสินไหมเป็นอย่างไร พวกนี้จะวนอยู่ในหัวของแผนกเรา สุดท้ายลูกค้าจะเป็นคนเลือก เราจะมีแค่หน้าที่แนะนำว่าอย่างไรต้องพูดในแง่ความจริงทั้งหมด

**"ที่เราสามารถทำได้ดีอีกด้านคือ เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทประกันภัยและผู้บริหาร ซึ่งถ้ามีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือเราสามารถต่อสายตรงได้ทันทีเหมือนกัน"**
กำลังโหลดความคิดเห็น