อดีตครูพละวัย 70 ปี แฉเหตุการณ์ถูกเก๋งคู่กรณีขับชน ลงไปเกาะประตูรถเจรจา แต่เก๋งเร่งเครื่องตัวติดไปกับรถลากไปไกลกว่า 5 เมตร ก่อนหลบหนี เตือนให้แสดงตัวมารับผิดชอบ ก่อนจะดำเนินคดี
จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ เฮียขับรถ โพสต์คลิปกล้องหน้ารถยนต์บันทึกภาพเหตุการณ์เก๋งสีบรอนซ์ทองขับ ลากลุงวัย 70 ปี ที่ใช้มือจับประตูจนเสียหลักกลิ้งล้มลงไปนอนกลางถนน พร้อมระบุข้อความว่า “คือมาทิ่มเขาแล้วทำท่าจะหนี ลงไปคุยแล้วก็..... ”
วันนี้ (11 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุภายในซอย บางใหญ่-บางคูลัด 2 ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พบ นายสมเกียรติ เบาใจ อายุ 70 ปี อาชีพอดีตครูพละปลดเกษียณ และ นางรติยา เบาใจ อายุ 67 ปี ผู้เสียหายสองสามีภรรยา เจ้าของรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าซิตี้ สีฟ้า ทะเบียน 2 ขค 5356 กทม. ถูกคนร้ายขับรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น ซิตี้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ภค 3668 กทม. ชนท้ายบริเวณกันชนด้านหลังข้างขวาบุบพังเสียหายแล้วขับหลบหนี แจ้งความไว้ที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
กล้องหน้ารถยนต์บันทึกภาพเหตุการณ์วันที่ 9 ธ.ค. 65 เวลาประมาณ 12.42 น. ขณะที่รถยนต์ผู้เสียหายจอดรอรถยนต์สีดำบริเวณด้านหน้ากำลังเลี้ยวขวาเข้าซอย ต่อมาจึงได้ยินเสียงชนจากด้านหลัง ก็พบว่า คนชนเป็นชาย 1 ราย อายุประมาณ 40-50 ปี ใส่เสื้อยืดสีเขียว กางเกงขายาว ผ้าใบสีขาว เดินลงจากรถยนต์รถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีบรอนซ์ทอง มายกมือไหว้ขอโทษกับทางด้านนายสมเกียรติ ผู้เสียหาย และมีการเจรจาพูดคุยกันที่รถยนต์ของผู้ก่อเหตุโดยผู้เสียหายอยู่ด้านนอกรถ ส่วนผู้ก่อเหตุนั่งอยู่ด้านใน ผ่านไปไม่ได้นานทางผู้ก่อเหตุก็เร่งเครื่องขับรถหลบหนีขณะที่ผู้เสียหายเอามือจับประตูผู้ก่อเหตุบริเวณด้านคนขับเพื่อจะยื้อหรือรั้งไม่ให้ผู้ก่อเหตุหลบหนี ด้วยความเร็วของรถยนต์ทำให้ต้องวิ่งไปตามรถยนต์กว่า 4-5 เมตร ก่อนจะเสียหลักกลิ้งล้มลงไปนอนกองกับพื้นถนนได้รับบาดเจ็บในเวลาต่อมา
นายสมเกียรติ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนกับภรรยากำลังจะขับรถไปกินข้าวที่ เซ็นทรัลเวสต์เกต บางใหญ่ ขณะที่ขับมาบริเวณหน้าซอย บางใหญ่-บางคูลัด 2 ตนจอดรถรอรถยนต์คันหน้าเลี้ยวขวาเข้าซอย จากนั้นก็มีรถยนต์ขับมาชนที่บริเวณด้านหลังตนจึงลงไปดูก็ไปพบกับคู่กรณีเป็นผู้ชายอายุประมาณ 40-50 ปี ก็มีการลงมาพูดคุยกันถึงเรื่องประกันรถยนต์ทางคู่กรณีก็บอกว่ารถของเขาไม่มีประกัน ตนจึงให้ภรรยาที่อยู่บนรถโทรเรียกประกันของตน ขณะที่กำลังรอประกันของตนทางคู่กรณีก็อ้างว่าจะขยับรถไปจอดด้านหน้า แล้วอ้างต่ออีกว่ารอไม่ไหวแล้ว ทางคู่กรณีก็สตาร์ทรถกำลังจะขับหนี ตนเห็นท่าไม่ดีจึงเอามีปลดล็อคประตูและเปิดประตูฝั่งคนขับของคู่กรณี
จากนั้นทางคู่กรณีก็ขับรถและเร่งเครื่อง ขณะที่มีตนยังจับประตูอยู่ด้วยความเร็วของรถยนต์จึงทำให้ตนต้องวิ่งไปพร้อมกับรถยนต์ผ่านไปไม่นานก็เสียหลักล้มกลิ้งบนพื้นถนนกระเด็นไกลกว่า 4-5 เมตร ทำให้ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลถลอกที่ข้อศอกขวา และหัวเข่าขวามีแผลถลอก หลังเกิดเหตุก็ได้ไปทำแผลที่โรงพยาบาลจ่ายค่ารักษาเอง และแย่ไปกว่านั้นตอนนี้ยังระบมกับแผลและปวดตามตัวสะโพก และกระดูก เดินไปไหนมาไหนลำบากเพราะอายุมากแล้วอยากให้คู่กรณีมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทางด้าน นางรติยา กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนเป็นคนขับรถรู้สึกตกใจมาก และเสียความรู้สึกเป็นอย่างมากที่ผู้ก่อเหตุทำแบบนี้กับสามีเร่งเครื่องทั้งๆที่มือสามีของตนยังจับอยู่ที่ประตู ถือว่าเหตุการณ์นี้โชคดีเป็นอย่างมากเพราะว่าสามีของตนเป็นอดีตครูพละเก่ามีวิชาติดตัวหรือการเซฟตัวเองในจังหวะที่ลงกระแทกกับพื้นจะใช้ลำตัวลงแทนหัว หากหัวลงกับพื้นก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ รวมหากมีรถตามหลังมาทับต่อตนไม่อยากจะคิดภาพเลยว่าจะเป็นอย่างไร ตอนนี้จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายเห็นเลขทะเบียนรถยนต์และหน้าผู้ก่อเหตุชัดเจน และไม่อยากให้ไปก่อเหตุแบบนี้กับใครอีก เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ตนอยู่บนรถยนต์ในตอนเกิดเหตุไม่ได้ดับเครื่องยนต์ทำให้กล้องหน้ารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ ตอนนี้ก็ยังคาใจกับผู้ก่อเหตุว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำอะไรผิดกฎหมายรึเปล่าเพราะเรื่องแค่นี้ไม่น่าจะขับหนีแบบนี้
สุดท้ายก็อยากให้คู่กรณีออกมารับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นหากยังหนีอยู่ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเพรากรณีนี้อาจจะเข้าข่ายในคดีอาญาก็ได้