นายศุภกร ตุลยธัญ, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลยุทธ์การลงทุนโดยอาศัยแนวคิด ESG หรือ Environmental, Social and Governance มาประยุกต์ใช้กำลังเป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งแนวคิดดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานที่ว่าบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อสังคม และมีธรรมาภิบาลที่ดีจะมีศักยภาพในการเติบโตแบบยั่งยืนและสามารถสร้างผลตอบแทนในการลงทุนที่สูงได้ในระยะยาว ซึ่งความนิยมของแนวคิดดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นในปริมาณเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุนในกลุ่ม Global Sustainable & ESG Fund เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ากองทุนหุ้น ETF ในกลุ่มดังกล่าวถึง 1.35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) ของกองทุนกลุ่ม ESG Fund จะเติบโตที่ระดับ 15% ต่อปีสู่ 53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมทั่วโลกภายในปี 2568 (ที่มา : Bloomberg) ซึ่งปริมาณเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่หุ้นกลุ่มดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนการปรับเพิ่มขึ้นของราคา นอกจากนี้ จากแนวคิดของนักลงทุนและผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ก่อให้เกิดค่านิยมในการบริโภคที่จะเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG มากกว่าบริษัทที่มุ่งสร้างผลกำไรเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้แนวโน้มรายได้และกำไรของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความนิยมดังกล่าว
ดังนั้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีแบบยั่งยืนจากการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตภายใต้หลัก ESG บลจ.พรินซิเพิล จึงเปิดตัวกองทุนเปิด ‘พรินซิเพิล โกลบอล อิควิตี้ ESG’ หรือ Principal Global Equity ESG Fund (PRINCIPAL GESG) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารทุนประเภท Feeder Fund ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ Schroder International Selection Fund Global Sustainable เป็นกองทุนหลัก เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ บริหารจัดการโดย Schroder Investment Management (Europe) S.A. ซึ่งมีหลักการลงทุนแบบเชิงรุก (Active Management)
แนวทางการดำเนินงานของกองทุนจะเน้นลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ทุกภาคส่วนด้วยกลยุทธ์ลงทุนแบบกระจุกตัว (High Conviction) โดยจะเลือกลงทุนในหุ้นประมาณ 30-50 บริษัทผ่านการคัดเลือกด้วยการวิเคราะห์เชิงลึกแบบ Bottom up โดยวิเคราะห์ข้อมูลรายบริษัทเพื่อเลือกหุ้น ผ่านกรอบแนวคิด SQ Framework ที่คิดค้นโดย Schroders ซึ่งประกอบด้วย 1) Idea generation คัดเลือกบริษัทที่เหมาะสมจากปัจจัยด้านพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โปร่งใสและตรวจสอบได้ ไม่มีปัญหาด้าน ESG 2) Sustainability ประเมินความยั่งยืนเชิงลึกผ่านกรอบแนวคิด Sustainable Quotient (SQ) เพื่อคัดกรองหุ้นที่สามารถลงทุนได้ประมาณ 100 บริษัท 3) Portfolio Construction ให้น้ำหนักหุ้นในพอร์ตประมาณ 30-50 บริษัท อิงจากปัจจัยพื้นฐาน การประเมินมูลค่า ความเชื่อมั่นต่อบริษัท และสภาพคล่อง 4) Active engagement เข้าไปมีส่วนร่วมกับธุรกิจเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้มีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งกระบวนการนี้จะดำเนินการโดยทีมงานมืออาชีพที่ทำงานร่วมกันระหว่างผู้จัดการกองทุนกับทีมนักวิเคราะห์กว่า 100 คนทั่วโลก โดยหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนเข้าลงทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ได้แก่ Microsoft Corp, AstraZeneca PLC, AIA Group Ltd., Texas Instruments Inc, Anthem Inc, Thermo Fisher Scientific Inc, Schneider Electric SE, Booking Holdings Inc และ TSMC (Source: Schroders Global Sustainable growth fund fact sheet as of March 2022)
ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund Global Sustainable ดีกว่าดัชนีอ้างอิงตั้งแต่ปี 2560 โดยช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2562-2564) กองทุนมีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 31.0% 27.5% และ 19.3% ตามลำดับ สูงกว่าดัชนีอ้างอิง MSCI ACWI NR ที่ให้ผลตอบแทน 26.6%, 16.3% และ 18.5% ตามลำดับ ขณะที่อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปี 5 ปี 10 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 19.2% 17.1% และ 12.8% ต่อปีตามลำดับ ซึ่งเหนือกว่าดัชนีอ้างอิงที่เท่ากับ 13.8% 11.6% และ 10% ตามลำดับ (Source : Schroders Global Sustainable growth fund fact sheet as of March 2022) นอกจากนี้ กองทุนยังได้รับรางวัล Overall Morningstar Rating 5 ดาว และได้รับ Morningstar sustainability rating เต็ม 5 ยืนยันถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งยาวนาน (Source : Morningstar ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2565)
“กองทุนเปิด PRINCIPAL GESG มุ่งเน้นการลงทุนตามหลัก ESG ในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกในมุมกว้าง มีธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้ปรัชญาการลงทุนและความเชื่อว่าบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ทุกภาคส่วนจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว” นายศุภกรกล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเปิด PRINCIPAL GESG มีทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท (Green shoe 15%) เตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) วันที่ 9-18 พฤษภาคม 2565 สั่งซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 0-2686-9595 หรือ www.principal.th หรือ Principal TH Mobile App