บลจ.วรรณ เปิดตัว บล.ไพน์ เจาะตลาดบริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้าทั่วไป ช่วยเสริมแกร่งธุรกิจในอนาคต ชูสินค้าการลงทุนหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการนักลงทุน ตั้งเป้ารับรู้รายได้350ล้านบาทหนุนรายได้บริษัทแตะ2พันล้านใน3ปี
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด หรือ ONEAM เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจของบริษัทล่าสุดบริษัทได้ทำการเปิดตัวบริษัทในเครือ “บริษัทหลักทรัพย์ ไพน์เวลท์ โซลูชั่น จำกัด” โดยบลจ.วรรณ ถือหุ้น 99%เพื่อดำเนินธุรกิจเวลธ์เมเนจเม้นท์แบบครบวงจร และตั้งเป้าหมายรับรู้รายได้จากบล.ไพน์ใน3ปีข้างหนัา (ปี2565-2567) ประมาณ 350ล้านบาท
ทั้งนี้ในส่วนของบลจ.วรรณยังคงรุกการเติบโต ในส่วนกองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลูกค้านิติบุคคลและสถาบันองค์กรขนาดใหญ่รวมถึงตัวแทนขาย โดยปัจจุบริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)ของลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ1แสนล้านบาท นอกจากนี้ใน3 ปีข้างหน้าบริษัทมีแผนในการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคเพิ่มเติม และบริษัทยังได้เริ่มเตรียมตัวสำหรับผลิตภัณฑ์การลงทุนประเภทสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอาจต้องมีการขยายธุรกิจเพื่อรองรับในอนาคตด้วย เช่น ระบบการซื้อกองทุนด้วยเหรียญ
“เรามีแผนที่จะเสริมความแข็งแกร่งในการทำธุรกิจเนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้น และตอบโจทย์การลงทุนของลูกค้าที่หลากหลาย ซึ่งบลจ.จะยังคงทำหน้าที่ดูแลลูกค้าสถาบัน และนิติบุคคล พร้อมออกแบบและสรรหานวัตกรรมการลงทุนใหม่ๆเพิ่มเติมขณะที่บล.ที่เราตั้งขึ้นมาจะช่วยดูแลลูกค้าด้านผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นจากกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ารายบุคคล ซึ่งจะทำให้เรามีโอกาสเติบโตก้าวกระโดดต่อไป”นายพจน์กล่าว
อย่างไรก็ตามฐานลูกค้าของบริษัทและบล.ไพน์จะไม่ทับซ้อนกันเพราะบล.ไพน์จะเน้นเรื่องการเข้าถึงความต้องการลูกค้ารายบุคคลโดยฐานลูกค้าส่วนบุคคลของบลจ.วรรณจะถูกโอนย้ายไปยังบล.ไพน์โดยจะย้ายตามความประสงค์ของลูกค้าซึ่งการโอนย้ายดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับลูกค้ามากกว่าเพราะมีโอกาสการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายนอกจากเหนือจากของบริษัทอีกทั้งบล.ไพน์จะไม่เหมือนบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆที่เน้นการลงทุนในหุ้นแต่จะเน้นการลงทุนในเชิงบริหารความมั่งคั่งมากกว่า
ด้าน นายสุรศักดิ์ ธรรมโม กรรมการผู้จัดการ บล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า แผนธุรกิจช่วงแรกจะเริ่มต้นนำร่องด้วยผลิตภัณฑ์กองทุนรวมในประเทศผ่านระบบ FundConnext และ Streaming Fund+ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และวางแผนจะนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมทั่วโลกในรูปแบบลงทุนตรงต่างประเทศ ในช่วงต้นปีถึงกลางปีหน้า รวมถึงผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้โดยเฉพาะในตลาดแรกหรือIPO หุ้นกู้อนุพันธ์ และอาจรวมผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
“เรามีสินทรัพย์ภายใต้การแนะนำ AUA เดิมประมาณ 1.5หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตเป็น3หมื่นล้านบาทภายใน3ปี โดยผลิตตภัณฑ์การลงทุนที่เราแนะนำให้ลูกค้าและนักลงทุนจะไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่การลงทุนในกองทุนรวมในประเทศไทยเท่านั้นแต่รวมถึงสินทรัพย์ประเภทอื่นๆและการลงทุนตรงในกองทุนรวมต่างประเทศด้วย ซึ่งตลาดการลงทุนในต่างประเทศมีความหลากหลายและยังมีสินทรัพย์ในการลงทุนเพื่อเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนได้อีกมาก”นายสุรศักดิ์กล่าว
นายพจน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ประมาณ 1.8แสนล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้เติบโตในระดับ 2แสนล้านบาท หรือเติบโต 20% จากสิ้นปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้เติบโตแตะ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 200%และเชื่อว่าด้วยการรุกธุรกิจในด้านต่างๆส่งผลให้รายได้ช่วง 3 ปีข้างหน้าเติบโตแตะ 2พันล้านบาท โดยมีAUMอยู่ที่ประมาณ2.5-3แสนล้านบาท
สำหรับแผนธุรกิจช่วงปีหน้า บริษัทหันมารุกกองทุนรวมมากขึ้น เนื่องจากกมองว่าธุรกิจกองทุนรวมยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก หากดูจากฐานเงินฝากที่มีอยู่กว่า 10 ล้านล้านบาท แต่ปัจจุบันธุรกิจกองทุนรวมมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 5 ล้านล้านบาท ทำให้ยังโอกาสที่จะเติบโตอีกกว่า 40% เมื่อเทียบกับการลงทุนของต่างประเทศที่มีสัดส่วนถึงกว่า 90% ของฐานเงินฝาก
สำหรับการเติบโตของกองทุนรวมในปีหน้าน่าจะเน้นช่องทางเซลลิ่งเอเจนท์เป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันสถาบันการเงินเริ่มปรับตัวในการขายผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย เป็นโอกาสให้บลจ.อื่นที่ไม่ใช่บริษัทลูกมีโอกาสขยายฐนาลูกค้าผ่านช่องทางนี้มากขึ้น ส่วนแผนการออกกองทุนรวมในช่วงปีหน้า เน้นออกกองทุนต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนปีนี้เตรียมต่อยอดออกกองทุนรวมที่ลงทุนในกรมธรรม์ประกันชีวิตในตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมโดยมูลค่ากองทุน 500-1,000 ล้านบาท หลังจากกองทุนแรกได้รับการตอบรับและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้