นักลงทุนแห่ไปต่างประเทศ กองหุ้นไทยถูกเท 7 ไตรมาส

อุตฯ กองทุนฟื้นเงินไหลเข้า 9 เดือน 1.3 แสนล้านบาท แต่นักลงทุนเทกองหุ้นไทย 7 ไตรมาสติด เหตุต่างประเทศผลตอบแทนหวือหวา จับตาตลาดไทยสะท้อนความจริงไร้ LTF กระตุ้น

รายงานจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนในประเทศไทยปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยกองทุนรวมไทย (เฉพาะกองทุนเปิด ไม่รวมกองทุนปิด, ETF, REIT, Infrastructure fund) มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 4.2 ล้านล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสที่สอง หรือเพิ่มขึ้น 0.1% ไตรมาสล่าสุดมีเงินไหลเข้าสุทธิ 3.7 หมื่นล้านบาท รวม 9 เดือนมีเงินไหลเข้าสุทธิ 1.3 แสนล้านบาท

ขณะที่ นางสาวชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)
กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมากองทุน Money Market ยังเป็นเงินไหลออกต่อเนื่องในไตรมาสล่าสุดที่ 2.9 หมื่นล้านบาท หรือต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 แสดงให้เห็นถึงเม็ดเงินที่ยังทยอยกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์อื่น โดยรวมปีนี้มีเงินไหลออกจากกองทุน Money Market แล้วทั้งสิ้น 1.2 แสนล้านบาท ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิลดลงไปอยู่ที่ 6.3 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15% ของอุตสาหกรรมกองทุนรวม ใกล้เคียงกับช่วงสถานการณ์ปกติก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 14%

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนหุ้นไทยไม่รวมกองทุนประหยัดภาษีมีเงินไหลออก 7 ไตรมาสติดกันโดยไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 มีเงินไหลออกประมาณ 4 พันล้านบาท ขณะที่ตัวเลข 9 เดือนของปี 2564 มีเงินไหลออกจากกองทุนหุ้นไทยประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท

ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนให้ความสนใจการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทน โดยแนวโน้มกองทุนหุ้นไทยถ้าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้นได้ต้องขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเปิดประเทศหลังจากสถานการณ์โควิด ว่าจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยขนาดไหน

นางสาวชญานีกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ต้องยอมรับว่าในอดีตที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงส์จากกองทุนแอลทีเอฟสนับสนุน และเมื่อยกเลิกกองทุนแอลทีเอฟไปแล้วเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะสะท้อนภาพการลงทุนที่แท้จริงมากขึ้น และเมื่อเทียบกับการลงทุนในต่างประเทศแล้วผลตอบแทนคงน่าสนใจน้อยกว่า

“จะให้เทียบกอง LTF กับ SSF คงไม่ได้เพราะเงื่อนไขมันต่างกัน วงเงินก็ต่างกัน และยังสามารถลงทุนในต่างประเทศได้ด้วย ตรงนี้ก็ไม่น่าจะเข้ามาแทนกันได้ ส่วนจะไหลออกไปอีกไหมคงต้องดูว่าช่วงที่ครบกำหนดตลาดเป็นอย่างไร ถ้านักลงทุนเห็นโอกาสในการลงทุนระยะก็มีโอกาสที่จะลงทุนต่อได้” นางสาวชญานีกล่าว

ทั้งนี้ กองทุนรวมต่างประเทศ (ไม่รวม Term Fund) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากไตรมาสที่ 2 หรือ 50.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยไตรมาสล่าสุดมีเงินไหลเข้าสุทธิ 5.6 หมื่นล้านบาท โดยเป็นเงินจากกองทุนตราสารทุนและกองทุนผสมเป็นส่วนใหญ่ที่ 4.7 หมื่นล้านบาทและ 1.2 หมื่นล้านบาทตามลำดับ รวม 9 เดือนเป็นเงินไหลเข้า 2.5 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองทุนที่ลงทุนในประเทศจีนช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากนโยบายภาครัฐและปัญหาผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท China Evergrande ส่งผลกระทบให้นักลงทุนชะลอการลงทุนลงทำให้เม็ดเงินของการลงทุนในจีนชะลอตัวกว่าที่ควรจะเป็น