ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และถ้าดูจากข้อมูลวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา เทียบกับวันที่ 23 มี.ค. 2563 ซึ่งเป็นวันที่หุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงต่ำสุดจากวิกฤตโควิด-19 พบว่าดัชนีหุ้น S&P500 ของสหรัฐฯ ปรับขึ้นมาเท่าตัวแล้ว ทำให้นักลงทุนเกิดคำถามตามมาว่า ถ้าอยากเข้าไปลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้ ยังสามารถลงทุนได้หรือไม่ หรือราคาแพงเกินไปแล้ว และถ้ายังลงทุนได้ ต้องเลือกลงทุนอย่างไร
• หุ้นสหรัฐฯ แพงไปหรือยัง
ในเรื่องนี้ สันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือกองทุนบัวหลวง มองว่า หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 แต่ถ้านับจากช่วงที่เริ่มฟื้นตัวจนถึงเวลานี้ (เดือน ส.ค. 2564) ก็ยังเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
ตัวแปรที่นักลงทุนชอบดูก่อนลงทุน คือราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ของหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูง แต่ก็มีแนวโน้มลดลง เพราะก่อนหน้านี้หุ้นปรับขึ้นตามความคาดหวังของนักลงทุนที่มองไปถึงอนาคตที่สดใสโดยที่ผลประกอบการยังไม่ได้ดีขึ้นตาม เรียกว่า ราคา (P) มา แต่ผลประกอบการ (E) ไม่ได้ขยับตาม ทำให้หุ้นดูราคาไม่สมเหตุสมผล แต่หลังจากนี้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเริ่มดีขึ้น ดังนั้น ก็จะทำให้ P/E ลดลง อีกประเด็นหนึ่งคือ ในภาวะดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ค่า P/E ก็สามารถอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติได้
ที่สำคัญคือ การจับจังหวะตลาดเป็นสิ่งที่ยากสำหรับนักลงทุน และที่ผ่านมาผลงานตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง แต่กลับมีความผันผวนที่ค่อนข้างน้อย ดังนั้น นักลงทุนก็ควรมีหุ้นสหรัฐฯ ไว้ในพอร์ต ไม่เพียงเฉพาะด้วยความใหญ่ของสหรัฐฯ ทั้งในแง่เศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 22.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 4 ของทั้งโลก หรือตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มูลค่า บริษัทจดทะเบียนรวมกันเกินครึ่งหนึ่งของทั้งโลก แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ บริษัทที่คิดค้นนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบริษัทในสหรัฐฯ และบริษัทเหล่านี้เอง คือผู้ขับเคลื่อนผลประกอบการที่ดี
• กลยุทธ์ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่เหมาะสม
แม้เราจะแนะนำว่านักลงทุนยังเข้าลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ แต่เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่า ก็ควรวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างเหมาะสม โดยเรามองว่าการลงทุนแบบเชิงรุก หรือ Active โดยมุ่งเน้นคัดเลือกหุ้นเติบโตเหมาะกับการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เวลานี้ การลงทุนแบบนี้สอดคล้องกับแนวทางลงทุนของกองทุนบัวหลวงที่เน้นเรื่อง good stock + good trade = good performance ที่เราเชื่อว่าการเลือกหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสม จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ประเด็นต่อมา คือ จะเลือกหุ้นเติบโตอย่างไร ในเรื่องนี้ กองทุนบัวหลวงขอยกตัวอย่างแนวทาง ของกองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่า (B-USALPHA) กองทุนน้องใหม่ที่ขาย IPO วันที่ 17-24 ส.ค.นี้ ซึ่งจะไปลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Funds - US Growth Fund เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ส่วนที่เหลือผู้จัดการกองทุนของกองทุนบัวหลวงจะคัดเลือกลงทุนหุ้นรายตัวในสหรัฐฯ เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มโอกาสในการหาผลตอบแทน
หลักการค้นหาหุ้นเติบโตของกองทุนนี้ก็คือ มองหาหุ้นที่เติบโตสอดคล้องกับเทรนด์ระยะยาว เช่น เทคโนโลยี พลังงานสะอาด รวมทั้งหุ้นที่เติบโตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ และสิ่งที่โดดเด่นของกองทุนนี้ก็คือ สามารถไปลงทุนได้หลากหลายอุตสาหกรรม ขึ้นอยู่กับว่าในช่วงนั้นๆ กองทุนมองเห็นโอกาสในกลุ่มไหน ซึ่งถือเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งที่ตอบโจทย์การลงทุนในยุคนี้ได้ดี ยุคที่ตลาดมีความซับซ้อนมากขึ้น มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องกับการลงทุนมากขึ้น นี่คือคำแนะนำจากกูรูของกองทุนบัวหลวงว่าทำไมจึงยังลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว หากสนใจลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สามารถลงทุนผ่าน B-USALPHA กองทุนน้องใหม่ที่กำลังเปิดขาย IPO ระหว่างวันที่ 17-24 ส.ค. 2564 นี้ได้