นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า การจัดสรรเงินเพื่อกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศช่วงนี้ยังเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทยังคงแนะนำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทยังคงมุมมองเชิงบวกในตลาดหุ้นแถบเอเชีย โดยกระจายการลงทุนให้หุ้นญี่ปุ่นไม่เกิน 10-15% ของพอร์ตเพื่อเพิ่มผลตอบแทนในช่วงหลังของปีนี้
ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นเริ่มฉีดวัคซีน Covid-19 ช้ากว่าประเทศ DM อื่นๆ แต่อัตราการฉีดได้เร่งตัวขึ้นเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม จำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบโดสปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นที่ราว 1 ใน 3 ของประชากร แม้ว่าสถานการณ์ Covid-19 ระยะสั้นกลับมาดูแย่ลง แต่แนวโน้มจำนวนผู้เสียชีวิตรายใหม่กลับยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงก่อน ส่วนหนึ่งเพราะบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมดและกลุ่มเปราะบางอายุ 65 ปีขึ้นไป ร้อยละ 80 ได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงครบโดสแล้ว โดยญี่ปุ่นเลือกใช้วัคซีน mRNA เป็นหลัก ซึ่ง 2 โดสใช้เวลาฉีดห่างกันเพียง 3-4 สัปดาห์ ทันต่อสถานการณ์แพร่ระบาดสายพันธุ์เดลตาที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว อาจมีส่วนช่วยให้สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงได้
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น นักวิเคราะห์ HSBC คาดการณ์ไว้เมื่อต้นไตรมาส 3 ถึงช่วงเวลาในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของแต่ละประเทศในเอเชีย (ฉีดวัคซีนครบโดส 70% ของประชากรขึ้นไป) โดยประเทศญี่ปุ่นมีแนวโน้มเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้ซึ่งตามหลังเพียงประเทศสิงคโปร์เท่านั้น และจะนำมาสู่การเริ่มกลับมา reopening ได้ต่อเนื่องในที่สุด
ในมุมมองของเศรษฐกิจโลก ปัจจุบันมีแนวโน้มฟื้นตัวสะท้อนผ่านดัชนี PMI ที่อยู่ในโซนขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี จากข้อมูลสถิติชี้ให้เห็นว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นมักจะทำผลตอบแทนได้ดีเมื่อดัชนีดังกล่าวขยายตัว เนื่องจากมีหุ้น Cyclical สูง แต่ราคาปัจจุบันยังคง Laggard ประเทศ DM ด้วยกันเอง
โดยกองทุนที่บริษัทแนะนำในการลงทุนหุ้นญี่ปุ่น ได้แก่ กองทุน เปิด วรรณ อัลติเมท เจแปน อิควิตี้ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (ONE-UJE-RA) ลงทุนแบบ Fund of funds ซึ่งผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนในกองทุนต่างประเทศต่างๆ ที่มีผลการดำเนินงานชนะดัชนีชี้วัดอย่างสม่ำเสมอได้อย่างยืดหยุ่น! ถือเป็นกลยุทธ์การลงทุนโดดเด่นของ บลจ.วรรณที่ยังไม่มีใครในตลาดทำมาก่อน
“หากมองไปข้างหน้า บลจ.วรรณเชื่อว่าดัชนีญี่ปุ่นสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ในปีนี้เช่นเดียวกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ยุโรป ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วในระดับสูงและกลับมา reopening ได้ต่อเนื่อง แม้ว่าอนาคตอาจจะต้องมีการฉีดบูสเตอร์โดสเนื่องจากสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ โดยมองว่าโควิด-19 มีแนวโน้มจะอยู่กับเราไปอีกหลายปี แต่หลายประเทศเลือกที่จะปรับตัวอยู่กับมันแทนการ Lockdown ไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด” นายพจน์กล่าว