นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี) เปิดเผยว่า หลังจาก บลจ.วี เปิดขาย IPO กองทุนเปิด วี แคนนาบิส บิสสิเนส (WE-CANAB) ไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่สนใจการลงทุนธุรกิจพืชกัญชา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตและได้รับความนิยมในหลายด้าน
โดยหุ้นในอุตสาหกรรมกัญชาได้ปรับตัวขึ้นจากกระแสเรื่องการควบรวมกิจการธุรกิจกัญชาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พบว่าเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาบริษัท Tilray และบริษัท Aphria ได้บรรลุข้อตกลงในการควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน ขณะเดียวกัน บริษัท Sundial Growers ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการร้านค้าปลีกของบริษัท Inner Spirit Holdings และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัท Canopy Growth ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท The Supreme Cannabis Company เช่นกัน ล่าสุดเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมตลาดได้รับความสนใจและเป็นที่จับตามองอีกครั้ง เมื่อบริษัทรายใหญ่ในตลาดกัญชาอย่าง HEXO ได้ประกาศจะเข้าซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตกัญชารายหนึ่ง ด้วยมูลค่ากว่า 766 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การซื้อและควบรวมกิจการที่เพิ่มขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมกัญชากำลังเข้าสู่ภาวะสมดุล โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าธุรกิจกัญชาจะมีการแข่งขันที่น้อยลง และทำให้กำไรของบริษัทต่างๆ ในธุรกิจนี้มีความมั่นคงและเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องในอีกหลายปีนับจากนี้ โดยทันทีที่มีข่าวดังกล่าวหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกัญชาในต่างประเทศ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง นำโดย Sundial Growers (SNDL) ปรับตัวขึ้น +15% , Cronos Group (CRON) +15% , OrganiGram Holdings (OGI) +11% , Aurora Cannabis (ACB) +8% และ Canopy Growth (CGC) +6% ซึ่งส่งผลให้กองทุน WE-CANAB มีผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 8.82% เทียบกับดัชนี MSCI ACWI NET Total Return Index อยู่ที่ 3.11% (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2564)
ดังนั้น บลจ.วีมองว่าเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในกองทุนเปิด วี แคนนาบิส บิสสิเนส (WE-CANAB) ที่มีนโยบายลงทุนเชิงรุกในกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้จากพืชสกุลกัญชาทั่วโลก และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจกัญชา เช่น อุปกรณ์การปลูก, ปุ๋ย, สารเคมี ฯลฯ ผ่านกองทุนหลัก ETFMG Alternative Harvest ETF สัดส่วนประมาณ 60% และลงทุนผ่านกองทุนหลัก Global X Cannabis ETF ในสัดส่วนประมาณ 40%
บลจ.วียังประเมินว่าสัดส่วนของตลาดกัญชาที่ถูกกฎหมายจะมีการเติบโตเฉลี่ย 27% ต่อปีและจะมูลค่าถึง 95,000 ล้านเหรียญในปี 2025 จากระดับ 28,000 ล้านเหรียญในปี 2020 จากความต้องการใช้ในการแพทย์, การใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มเพื่อบริโภค และการใช้เพื่อสันทนาการ (Source : Euromonitor International) โดยมีกลุ่มผู้บริโภคหลัก คือกลุ่มคนช่วงอายุระหว่าง 26-54 ปีประมาณ 52% รองลงมาคือ Gen X และ Gen Z ประมาณ 31% และกลุ่มผู้ป่วยประมาณ 17% (Source : Research Report: The 2020 Cannabis Consumer / 2020 Cannabis Consumer White Paper) นอกจากนี้ คาดว่าในปี 2028 การจ้างงานที่เกี่ยวกับธุรกิจกัญชาจะเติบโตกว่า 250% โดยมีตลาดหลักคือสหรัฐฯ, ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร (Source : Global X Cannabis ETF)
“ธุรกิจกัญชา นับเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และยังมีการวิจัย พัฒนาไปใช้ในด้านต่างๆ ที่ถูกกฎหมายอย่างต่อเนื่อง สร้างมูลค่าทางการตลาดที่สูงในอนาคต “กองทุน WE-CANAB” จึงมีความน่าสนใจและเป็นโอกาสกระจายการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนการเติบโตของธุรกิจกัญชาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ บลจ.วีอยากแนะนำลงทุน” นายอิศรากล่าว