BGC มั่นใจยอดขายไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คาดผลงาน Q2/64 ดีกว่า Q2/63 มาก แนวโน้มครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง แม้ปีนี้ต้นทุนพลังงานสูงจะเป็นปัจจัยท้าทาย แต่มั่นใจบริหารจัดการมาร์จิ้นได้ ขณะที่เร่งสร้างเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ในโรงงานราชบุรี รองรับดีมานด์ที่ดีเกินคาด และยังเดินหน้าเจรจาซื้อกิจการอยู่ ด้านโบรกฯ ประเมินรายได้ กำไรปีนี้ทำได้ 1.3 พันล้านบาท และ 24 ล้านบาท ตามลำดับ แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสม 11 บาท
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/64 จะเติบโตกว่าไตรมาส 2/63 มาก เพราะปีนี้ไม่มีล็อกดาวน์ ซึ่งการขายยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังก็น่าจะดีขึ้นได้อีก โดยเฉพาะหากได้ฉีดวัคซีนมากขึ้น ตลาดก็น่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง
"เชื่อว่ารายได้จะโตมากเทียบกับไตรมาส 2/63 ที่มีล็อกดาวน์รุนแรง ดังนั้น หากสถานการณ์ไม่น่ากลัว ผลประกอบการก็น่าจะเติบโตมาก แนวโน้มครึ่งปีหลังก็น่าจะดีขึ้นได้อีก" นายศิลปรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าปีนี้ต้นทุนพลังงานยังเป็นปัจจัยที่ท้าท้ายสำหรับบริษัท แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการที่ดีด้วยประสิทธิภาพการผลิตที่เพิ่ม และต้นทุน Soda Ash ที่ปรับตัวลดลง ต้นทุนเศษแก้วที่ทรงตัว ทำให้บริษัทบริหารจัดการมาร์จิ้นได้
ยังเดินหน้าซื้อกิจการ
ส่วนดีลซื้อกิจการ (M&A) ยังมีการเจรจาอยู่ แต่เนื่องจากปีนี้บริษัทจะต้องเร่งก่อสร้างเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ในโรงงานที่ราชบุรี ขนาด 400 ตันต่อวัน หรือเพิ่มอีก 10% เพื่อรองรับความต้องการสินค้าที่มากกว่าที่บริษัทคาด เพราะยอดขายบรรจุภัณฑ์แก้วยังมีต่อเนื่องและดีกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากความต้องการสินค้าเข้ามาเร็ว เพื่อรองรับดีมานด์สินค้าจึงต้องเร่งสร้าง อาจกระทบกับดีล M&A ที่จะใช้เงินน้อยลง เพื่อเอาเงินมาใช้สำหรับเตาหลอมแก้วที่ราชบุรีให้เร็วขึ้น
ด้านธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ซื้อกิจการมา ทั้งในบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) และบริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด (BVP) ยอดขายเป็นไปตามที่บริษัทคาด โดยปีนี้น่าจะมีกำไรที่ดีขึ้น และมั่นใจว่าการลงทุนดังกล่าวจะเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้บรรจุภัณฑ์แก้วนำในการค้าขาย และมีฝามีกล่องกระดาษ ขายคู่กับไปกับบรรจุภัณฑ์แก้ว ซึ่งในอนาคตจะสามารถนำเสนอบริการลูกค้าแบบครบวงจรได้
ทิสโก้แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสม 11 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.ทิสโก้ ระบุว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อ BGC จาก 1) ผลประกอบการที่ดีกว่าคาดใน 1Q21 ด้วยการเติบโต 13% YoY และ 52% QoQ มาที่ 182 ล้านบาท 2) แนวโน้มดีมานด์ที่ยังมีทิศทางที่ดีใน 2Q21F และมาร์จิ้นที่คาดยังคงอยู่ระดับ 18% รวมกับ 3) การรับรู้รายได้และกำไรจาก BVP BGP ที่เริ่มในไตรมาส เราคาด BGP จะมีการดำเนินงานเติบโต YoY และ QoQ ใน 2Q21F อย่างไรก็ตาม ประมาณการผลประกอบการของเรายังไม่รวม BVP และ BGP
โดยในเบื้องต้นประเมินรายได้ในปี 2021F รายได้อยู่ที่ 1,300 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท ซึ่งเป็น upside 7% ต่อประมาณการรายได้และ 5% ต่อกำไรสุทธิของเรา เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 11 บาท อิงจาก PER 14x ปี 2021F โดยเรายังไม่ได้รวมการควบรวมกิจการบรรจุภัณฑ์ซึ่งจะมี upside ประมาณ 0.50 บาทสำหรับปี 2021F และ 1.30 บาทสำหรับปี 2022F ซึ่งเป็นปีที่จะรับรู้ผลประกอบการเต็มปี