น.ส.รัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทต้องการตอบรับเทรนด์การสร้างความยั่งยืนผ่านการลงทุนในธีมแนวคิด ESG ตามกลยุทธ์ของกลุ่ม บลจ.ยูโอบี ที่เน้นการพัฒนาธุรกิจ องค์กร และกระบวนการลงทุนอย่างยั่งยืน โดยจะทำการนำเสนอกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล เครดิต อินคัม ฟันด์ (USI) เสนอขายครั้งแรก 19-27 เมษายน 2564 นี้ ซึ่งถือเป็นกองทุนตราสารหนี้โลกกองทุนแรกของประเทศไทยที่คัดสรรตราสารหนี้คุณภาพทุกประเภททั่วโลก โดยพิจารณาผู้ออกตราสารหนี้จากปัจจัยเชิงบวกที่ส่งผลสนับสนุนต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs) เพื่อตอบโจทย์แนวคิดด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า (Sustainable investing for a better tomorrow)
“กลุ่ม บลจ.ยูโอบีทั่วภูมิภาคให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการมีธรรมาภิบาลมาโดยตลอด ถือเป็นวิสัยทัศน์หลักในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มธุรกิจ UOB โดยได้พัฒนาแนวคิด Sustainability นำมาปรับใช้ในองค์กรในทุกมิติ ทั้งในด้านความยั่งยืนในแง่องค์กรและการลงทุน โดยเป็นการลงทุนที่ประเมินปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือที่เรียกกันว่า ESG โดยการใช้ข้อมูล ESG มาผนวกในการวิเคราะห์ (ESG Integration) เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งเราเชื่อว่าจะช่วยเสริมกระบวนการลงทุนให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด”
“ล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจ UOB ได้เข้าร่วมลงนามกับ UNPRI (Principles for Responsible Investment) ซึ่งเป็นสถาบันการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบชั้นนำของโลก ดำเนินการเสริม ESG เข้าสู่กระบวนการลงทุนตามแนวทางของ UNPRI และเพื่อเพิ่มความเข้มข้นให้กับการลงทุนตามหลัก ESG ถือเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของกลุ่ม บลจ.ยูโอบีที่จะนำเสนอทางเลือกของกลยุทธ์การลงทุน (Investment Solution) ที่มีความรับผิดชอบสำหรับนักลงทุนทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยมั่นใจว่าการนำหลัก ESG มาเสริมนั้นจะเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจแก่ผู้ลงทุนได้ในระยะยาว และเราเชื่อว่าการลงทุนที่ยั่งยืนเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับปัญหาทางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่โลกกำลังเผชิญอยู่”
นางสาวรัชดากล่าวทิ้งท้ายว่า “จากมุมมองของการจัดสรรสินทรัพย์เพื่อการลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มองว่าการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจและยั่งยืนได้ในทุกสภาวะการลงทุน โดยได้จับมือกับพันธมิตร ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่เน้นด้าน ESG ระดับโลก Robeco Institutional Asset Management B.V. จัดตั้งกองทุนตราสารหนี้โลกกองทุนแรกของไทยที่ลงทุนในธีมแนวคิด ESG กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล เครดิต อินคัม ฟันด์ (USI) เพื่อนักลงทุนไทยได้มีโอกาสในการลงทุนที่ยั่งยืนเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า”
ปัจจุบันนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเริ่มหันมาให้ความสนใจการลงทุนอย่างยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งการพิจารณาการลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทที่มุ่งเน้นปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือที่เรียกกันว่า ESG โดยการใช้ข้อมูล ESG มาผนวกในการวิเคราะห์ (ESG Integration) เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยทางสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำต่างๆ ได้มีการนำปัจจัยด้าน ESG มาเป็นหนึ่งในการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดความตื่นตัวต่อการดำเนินธุรกิจตามกรอบ ESG ของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ในปัจจุบันมีนักลงทุนที่เข้าร่วมลงนามเพื่อดำเนินธุรกิจและลงทุนภายใต้แนวทางของ UN PRI มากกว่า 3,000 ราย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นถึง 120% ภายในช่วงระยะเวลาเพียง 5 ปี และนักลงทุนเหล่านี้มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารถึง 103 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูลจาก www.unpri.org) ซึ่งจะทำให้เกิดมูลค่าเงินลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับ ESG ในด้านต่างๆ ตามมา
แม้ว่าการลงทุนในกองทุน ESG อาจเป็นสิ่งที่ยังไม่ได้รับความสนใจมากนักในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การลงทุนอย่างยั่งยืนนี้อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนได้ อีกทั้งการลงทุน ESG นั้นเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตมากขึ้นโดยเฉพาะในต่างประเทศ เรามองว่าเป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนไทยควรเริ่มหันมาศึกษาการลงทุน