นายธนพล บุญวรุตม์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TSI Insurance เปิดเผยแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2564 ว่า บริษัทฯ ยังคงมุ่งสร้างการเติบโตต่อไป หลังจาก 2-3 ปีที่ผ่านมานับแต่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัทฯ ได้เร่งขับเคลื่อนจากภายในองค์กรสู่ภายนอก ทั้งเรื่องการปรับโครงสร้างการบริหารงาน การจัดทัพบุคลากร การสร้างความแข็งแกร่งและมั่นคงทางการเงิน โดยเฉพาะการรักษาอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR RATIO) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายงาน ทั้งงานประเภทรถยนต์และประกันภัยทั่วไป โดยสิ้นปี 2563 CAR RATIO อยู่ที่ประมาณ 500% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ที่ 140%
ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทฯ กำหนดเป้าหมายสร้างเบี้ยประกันภัยรับไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตกว่า 30% ด้วยการวางกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่การแข่งขันทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ พร้อมดันพอร์ตงานด้าน Non-Motor มากขึ้น ขณะเดียวกันยังเน้นขยายธุรกิจการรับประกันวินาศภัยทุกรูปแบบด้วยการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้าองค์กรและลูกค้ารายย่อย เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาและขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจประกันวินาศภัย โดยล่าสุดได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจ (MOU) กับ Haier ผู้ผลิตเครื่องไฟฟ้าชั้นนำจากประเทศจีนในการเป็นพันธมิตรด้านบริหารความเสี่ยงการประกันวินาศภัยให้แก่ลูกค้า Haier ในโครงการ Smart Sharing ด้วยการรับประกันการสูญหายของเครื่องปรับอากาศ
ด้านนางสาวอรลดา เผ่าวิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเสริมว่า แม้ในปีที่ผ่านมาจะมีความท้าทายและอุปสรรคต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง แต่อุตสาหกรรมประกันวินาศภัยยังสามารถเติบโตได้ดี มีเบี้ยประกันภัยรวมที่ 254,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 จากปีก่อนหน้า ขณะที่การเปลี่ยนแปลงของ TSI Insurance มีพัฒนาการไปในเชิงบวก จากการเปลี่ยนแปลงองค์กรและปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ทั้งหมด ทำให้เกิดความยืดหยุ่นเข้ากับสถานการณ์ สามารถตอบโจทย์ตัวแทนและลูกค้าได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ในปี 2563 บริษัทฯ สามารถเติบโตได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ มีเบี้ยประกันภัยรับ 665 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 31.1
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2563 มีกำไรจากการรับประกันภัยรวม 54.0 ล้านบาท โดยบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีสัดส่วนของรายได้ที่ทยอยรับรู้เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนก่อนภาษีลดลงจาก 175.7 ล้านบาท เป็น 74.6 ล้านบาท หรือลดลง 101.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 57.5
“การตั้งเป้า 1,000 ล้านบาทถือเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับ TSI Insurance เพราะตลาดแข่งขันกันสูงและผลกระทบจากโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ยังคงอยู่ แต่ในอีกมิติหนึ่งจะเป็นแรงส่งผลักดันไปสู่การเติบโตของบริษัทฯ ให้มั่นคง แข็งแกร่ง เพราะการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยอย่างต่อเนื่องจะทำให้สัดส่วนเบี้ยประกันภัยที่รับรู้เป็นรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอถึงจุดที่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ (Economy of Scale) ขณะเดียวกัน เรายังเน้นกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงและการคัดสรรคุณภาพของงาน ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักที่ทำให้เราเทิร์นอะราวนด์กลับมาเร็วกว่าที่คาด ดังนั้น ในปีนี้เราต้องวางการเติบโตอย่างมีจังหวะและต้องระมัดระวังกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นางสาวอรลดากล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทฯ จะเร่งเดินหน้าเพิ่มพอร์ตงานด้าน Non-Motor ในสัดส่วน Motor และ Non-Motor ในสัดส่วน 70:30 โดยจะเน้นรับงานผ่านโบรกเกอร์และตัวแทนประกันภัยในสัดส่วนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 60:40 เนื่องจากปีที่ผ่านมาการขยายตลาดในต่างจังหวัดมีผลงานเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะภาคใต้มีเสียงตอบรับที่ค่อนข้างดีจากลูกค้า อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแผนเพิ่มพื้นที่การตลาดครอบคลุมยังภาคเหนือและภาคตะวันออก