อีสท์สปริงตั้งเป้ายึดเบอร์ 1 กองทุนต่างประเทศ ตั้งเป้า 4 ปี AUM 1 ล้านล้าน จ่ออีก 4 กองลุยต่างประเทศเน้นนวัตกรรม-เทคโนโลยี ระบุการรวมบริษัทใกล้สำเร็จภายใน ก.ค. ปีนี้
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ TMBAM Eastspring และ Thanachart Fund Eastspring เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) แตะ 1 ล้านล้านบาท หลังทั้งสองบริษัทควบรวมทั้งสองธุรกิจเรียบร้อยแล้วภายในระยะเวลา 4 ปีนับจากนี้ (ปี 2568) และตั้งเป้าหมายครองตำแหน่งการลงทุนในตลาดต่างประเทศของไทย โดยอยากให้อีสท์สปริงเป็น บลจ.ที่นักลงทุนคิดถึงเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะควบรวมแล้วสำเร็จประมาณเดือน ก.ค. 2564 นี้ ขณะนี้ขึ้นอยู่กับกฎหมายและการพิจารณาอนุมัติของหน่วยงานด้านกำกับของไทยเพื่อให้เป็นธุรกิจเดียว ภายใต้ชื่อ "อีสท์สปริง ประเทศไทย"
“การควบรวมกิจการที่กำลังดำเนินการในขณะนี้ พลังของความชำนาญในประเทศไทยกับศักยภาพของอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ในระดับสากลจะช่วยให้เกิดนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย และสามารถมอบโซลูชันด้านการลงทุนที่สมบูรณ์ ช่วยให้ผู้ลงทุนไทยสามารถเข้าถึงโอกาสระดับโลก และตรงต่อความต้องการของลูกค้าชาวไทยแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น” นายอดิศรกล่าว
ทั้งนี้ AUM ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2564 ของ บลจ.ทหารไทยฯ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 220,811 ล้านบาท ส่วนบลจ.ธนชาตฯ อยู่ที่ระดับ 184,289 ล้านบาท หากควบรวมกันเป็นบริษัทเดียวกัน AUM จะปรับตัวแตะระดับกว่า 400,000 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันหากรวม AUM ทั้งสองบริษัทอยู่ในระดับสูงถึง 430,000 ล้านบาท ผลักดันให้ธุรกิจขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 5 ของอุตสาหกรรม โดยมีมาร์เกตแชร์ขยับเพิ่มมาอยู่ที่ 8%
“บลจ.ทหารไทยมีความเชี่ยวชาญกองทุนประเภทพาสสีฟฟันด์ (สร้างผลตอบแทนชนะค่ามาตรฐาน หรือ Benchmark) และเป็น บลจ.แรกที่รุกการลงทุนในตลาดต่างประเทศ และได้รับการตอบรับดีจากนักลงทุน ขณะที่ บลจ.ธนชาตฯ มีความเชี่ยวชาญการลงทุนแบบแวลู อินเวสเตอร์ หรือการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ทำให้ผลการดำเนินงานกองทุนมีความมั่นคงและมีปันผล หลังจากรวมกันเป็นหนึ่งเดียวจะเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจและนักลงทุนให้เติบโตต่อเนื่องได้” นายอดิศรกล่าว
สำหรับช่วงปีนี้บริษัทยังคงมีแผนการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยนำ 4 ธีมการลงทุนหลัก ได้แก่ 1. Disruptive Innovation 2. Technology 3. Astan Expert และ 4. Sustainable โดยในช่วงเดือน มี.ค. 2564 บริษัทเตรียมออกกองทุนใหม่อีก 4 กองทุน ภายใต้กองทุนหลัก ARK Investment Management LLC. ซึ่งโดดเด่นในเรื่องการจัด ETF แบบ Active
นายอดิศรกล่าวว่า อุตสาหกรรมกองทุนรวมช่วงปี 2563 มีเงินลงทุนไหลออกจากกองทุนรวมกว่า 400,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ประมาณ 200,000 ล้านบาทมาจาก 4 กองทุนของ บลจ.ทหารไทย ซึ่งเงินที่ไหลออกไปส่วนใหญ่ไปพักเงินอยู่ในตลาดเงินฝาก ส่วน 4 กองทุนที่ปิดตัวไปนั้น บริษัทได้ทยอยขายสินทรัพย์ลงทุนและคืนเงินลงทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับสินทรัพย์ลงทุนที่อยู่ระหว่างขายนั้นไม่มีสินทรัพย์ใดผิดนัดชำระหนี้ มีการจ่ายดอกเบี้ยคืนอย่างสม่ำเสมอ เป็นการการันตีถึงความสามารถในการเลือกสินทรัพย์ลงทุน ส่งผลให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนกับ บลจ.ทหารไทยเหมือนเดิม
ผลงานของ TMBAM Eastspring และ Thanachart Fund Eastspring ซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวได้เติบโตขึ้นเป็นกว่า 60,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี กองทุนที่โดดเด่น เช่น กองทุน T-ES-GINNO และ TMB-ES-GINNO ที่มีการลงทุนในกองทุนหลัก คือ กองทุน Nikko AM ARK Disruptive Innovation Fund เพียงกองทุนเดียว ด้วยมีแนวทางการลงทุนแบบใหม่ ขับเคลื่อนด้วยงานวิจัยที่ทันสมัยเน้นลงทุนในนวัตกรรมแห่งอนาคตที่คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในสิบปีข้างหน้า โดยจากการเปิดเสนอขายในช่วงเดือนตุลาคม 2563 จนถึงปัจจุบันได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง สินทรัพย์ภายใต้การจัดการสุทธิ (AUM) เติบโตอย่างต่อเนื่องจนมียอดรวมกันกว่า 15,000 ล้านบาท (ในด้านผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 63 จนถึงวันที่ 25 มกราคม 2564 นั้น กองทุน T-ES-GINNO ทำผลตอบแทนได้ 51.90% Benchmark (MSCI World Net Total Return USD Index) 19.22% ในขณะที่ TMB-ES-GINNO ทำผลตอบแทนได้ 50.72% Benchmark (MSCI World Net Total Return USD Index) 19.22% --แหล่งที่มา Morningstar, 25 มกราคม 2564)
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในปีนี้ และขณะที่อายุเฉลี่ยของคนไทยยาวนานขึ้น รายได้ของประชากรและอัตราการออมเงินกลับยังอยู่ในระดับต่ำ คนไทยส่วนมากยังออมและลงทุนผ่านช่องทางการฝากเงินมากกว่าการใช้บริการกองทุนรวม และเมื่อผลตอบแทนของพันธบัตรและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำมากซึ่งทำให้ผลตอบแทนในระยะยาวไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในอนาคต ธุรกิจกองทุนรวมจึงมีโอกาสของการเติบโตได้อีกมาก การสร้างมูลค่าการลงทุนตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเศรษฐกิจและสังคมไทย ด้วยการนำเสนอกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เป็นเอกลักษณ์ในตลาดโลก พร้อมโซลูชันด้านการลงทุนที่สมบูรณ์ เข้าถึงได้ง่าย (Easy Access) เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนไทยปลดล็อกศักยภาพการลงทุน และพร้อมด้วยทีมงานด้านที่ปรึกษาการลงทุนมืออาชีพที่ช่วยแนะบริหารจัดการพอร์ตที่สามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนตามที่ตนเองยอมรับได้ (Asset Allocation) ผู้ลงทุนไทยจึงจะมีโอกาสไปถึงเป้าหมายทางการเงินที่แตกต่างกันได้ สร้างความมั่งคั่งและยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
ในการทำงานร่วมกับธนาคารทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต เราพร้อมร่วมมือกับธนาคารในการช่วยเติมเต็มประสิทธิภาพของการจัดพอร์ตลงทุนที่เข้าใจได้ง่าย เลือกได้ และเปี่ยมประสิทธิภาพ เพื่อลดทอนความยุ่งยากของผู้ลงทุน เรายังมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันและนวัตกรรมด้านการลงทุนที่มีลักษณะเบ็ดเสร็จ (Total Solution) ที่เมื่อผู้ลงทุนใช้บริการของเราแล้วจะได้ครบทั้งสุขภาพกายและสุขภาพทางการเงินที่ดี และเป็นคู่ชีวิตการลงทุนที่ดีของผู้ลงทุนทุกท่านร่วมกับ พรูเด็นเชียล บริษัทแม่ของเราด้วยเช่นกัน