ปี 2020 ได้ผ่านไปแล้ว นับเป็นปีที่มีเรื่องราวให้เราได้พูดถึง และเรียนรู้อย่างมหาศาล เศรษฐกิจทั่วโลกได้ถูกกระทบอย่างมหาศาลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างถูกเทขายอย่างหนักในช่วงเดือนมีนาคม จนท้ายที่สุด ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีก็ได้มีข่าวดีที่ทั่วโลกต่างเผ้ารอ นั่นก็คือการค้นพบวัคซีนที่ใช้ในการรักษา ในบทความฉบับนี้เราจะมาดูปัจจัยที่จะกระทบต่อทิศทางการลงทุนที่เราต้องจับตาในปี 2021 กันครับ
ปัจจัยแรกที่ท่านผู้อ่านต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018 หลักจากที่ได้เกิดสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ก่อนที่จะมาถูกซ้ำเติมในปี 2020 จากวิกฤต COVID-19 ภาคการผลิตต้องหยุดชะงักลง เป็นผลมาจากมาตรการ Lock down เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และได้ส่งผลให้ภาคการบริโภคนั้นหดตัวลงตามจากการว่างงานที่สูงขึ้น รวมถึงธุรกิจบางกิจการในสายการผลิตที่ต้องปิดตัวลงไป
แม้ว่าพัฒนาการด้านวัคซีนนั้นชัดเจนขึ้น และคาดกันว่าจะสมารถใช้ได้อย่างแพร่หลายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2021 ในช่วงสั้นเศรษฐกิจโลกยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดรอบที่ 2 ในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย แต่ความรุนแรงรวมถึงผลกระทบน่าจะลดลงกว่ารอบแรกเพราะไม่ได้มีการนำมาตรการ Lockdown กลับมาใช้ในวงกว้าง เราน่าจะเริ่มเห็นตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณพัฒนาการที่ดีขึ้นได้บ้างในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ปัจจัยที่สองนั้นคือนโยบายทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางและนโยบายการคลังของรัฐบาล ในช่วงปีที่ผ่านมาธนาคารกลางทั่วโลกต่างอัดฉีดสภาพคล่องอย่างมหาศาลเพื่อประคองเศรษฐกิจให้อยู่รอดจากวิกฤต แต่อย่างไรก็ตาม การใช้นโยบายลดอัตราดอกเบี้ยนั้นใช้ระยะเวลาพอสมควรกว่าที่เราจะได้เห็นผลลัพธ์ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วนั้นต้องอาศัยนโยบายทางการคลังของรัฐบาลเข้ามาช่วย ในปีนี้เราคงได้เห็นรัฐบาลทั่วโลกใช้นโยบายทางการคลังกันมากขึ้น และเราคงต้องจับตาดูเงินเฟ้อว่าจะมีทิศทางปรับตัวเป็นอย่างไร
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และทิศทางของนโยบายทางการเงินจะเป็นสองปัจจัยหลักที่นักลงทุนทุกท่านต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในปีนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมานั้นนโยบายผ่อนคลายทางการเงินส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราเห็นราคาทองปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ที่ชัดเจนมากที่สุดคือผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นเป็นบวก ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าในสภาวะที่สภาพคล่องล้นตลาดนั้นมีผลต่อการปรับตัวของราคาสินทรัพย์เสี่ยงเป็นอย่างมาก ข่าวการค้นพบของวัคซีนนั้นให้ความคาดหวังแก่นักลงทุนว่าเราน่าจะเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในอีกไม่ช้า แต่อย่างไรก็ตาม หลายธุรกิจยังคงต้องเผชิญกับบททดสอบว่าจะสามารถอยู่รอดต่อไปได้หรือไม่ ผมคิดว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงต้องอาศัยเวลาไม่ต่ำกว่าอีกหนึ่งปีในการที่จะกลับไปยังที่เดิม แต่เราน่าจะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นได้ และด้วยสภาพคล่องที่ยังคงล้นอยู่นั้นจะเป็นตัวสนับสนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในระยะสั้นถึงกลางนี้ครับ
โดย ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด