โดย ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์
ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปี 2563 นับเป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักลงทุนเป็นอย่างมาก เต็มไปด้วยปัจจัยลบ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนว่าใครจะเป็นผู้ชนะ แต่ดูเหมือนพัฒนาการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเริ่มส่งสัญญาณที่ดีให้แก่นักลงทุนอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เราได้เห็นผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมไปถึงผลการทดลองวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ที่ออกมาเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นนั้นเป็นตัวจุดชนวนให้นักลงทุนรีบกลับเข้ามายังสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งหนึ่ง
ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานับว่าเป็นช่วงที่นักลงทุนทุกท่านคงต่างเฝ้ารอกันมาตลอดปี และคงทำให้หลายคนได้คลายกังวลได้บ้าง โดยปัจจัยที่ทุกท่านต่างเฝ้ารอคงหนีไม่พ้นในประเด็นของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพัฒนาการเกี่ยวกับ COVID-19 โดยในประเด็นแรกนั้นศึกระหว่างนาย Trump และ Biden ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการนั้นเป็นทางฝั่งหลังที่ได้รับคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งทิ้งห่างประธานาธิบดีคนปัจจุบันไป และได้รับการประกาศจากสื่อสำนักข่าวให้เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยการเข้ามาของนาย Biden นั้นน่าจะช่วยลดความผันผวนในภาวะการลงทุนได้ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะจากการแสดงออกผ่านสื่อ Social media หรือนโยบายทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศน่าจะกลับมาสู่การร่วมมือกันมากกว่าแตกแยก
หลักจากที่เราพอจะทราบแล้วว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ เพียงแค่ไม่กี่วันหลังจากการเลือกตั้ง ก็มีอีกหนึ่งข่าวที่นักลงทุนต่างเฝ้ารอ ก็คือพัฒนาการของวัคซีนที่ใช้ในการรักษาและป้องกันเชื้อ COVID-19 โดยเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 9 พฤศจิกายนนั้นบริษัทยายักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Pfizer ที่ร่วมมือกับบริษัท BionTech ได้ออกมาเผยข้อมูลถึงความคืบหน้าของวัคซีน ซึ่งผลการวิจัยนั้นได้ชี้นำว่า วัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดได้ถึง 90% นับได้ว่าเป็นข่าวดีเป็นปัจจัยที่นักลงทุนต่างเฝ้าจับตาพลิกกลับมาเป็นบวก ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่ข่าวได้เผยแพร่ออกมา โดยกลุ่มธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จากวิกฤตครั้งนี้ อย่างเช่นหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว และพลังงาน
สิ่งที่เราต้องจับตาต่อไปในข้างหน้าคือการเปลี่ยนผ่านของตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังคงต้องใช้เวลาก่อนที่เราจะเริ่มเห็นนโยบายทางเศรษฐกิจของนาย Biden ถูกนำมาใช้ และแม้ว่าความสำเร็จของวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันและรักษา COVID-19 นั้นเริ่มใกล้ความจริงมากขึ้น แต่ประเด็นในเรื่องของกำลังการผลิตและช่วงเวลาที่สามารถใช้ได้อย่างแพร่หลายยังคงเป็นคำถามที่นักลงทุนรอคำตอบอยู่
ตลาดหุ้นมักจะสะท้อนถึงความคาดหวังในอนาคตไปล่วงหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วเรายังคงต้องเจอกับบททดสอบอีกไม่ต่ำกว่า 1 ปี กว่าที่หลายธุรกิจจะเริ่มกลับมายังจุดเดิมก่อนการแพร่ระบาด ในช่วงระยะสั้นนั้นเราคงเห็นกระแสเงินเริ่มกลับมายังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม พื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท รวมถึงมูลค่าที่เหมาะสมยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่เราต้องตระหนักอยู่เช่นเดิมครับ