พริ้มพัชร จิรบวรพงศา, AFPTTM
กองทุนบัวหลวง
ช่วงปลายปีอย่างนี้เชื่อว่าหลายคนต้องกำลังวางแผนภาษีกันอยู่แน่ๆ และอาจจะยังคิดอยู่ว่าจะเลือกลงทุนอะไรดี? ระหว่างกองทุนรวม SSF กับกองทุนรวม RMF เนื่องจากวงเงินในการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีของกองทุนทั้ง 2 ประเภทจะถูกนับรวมอยู่ในวงเงินเดียวกัน นั่นคือ ไม่เกิน 500,000 บาท เรียกได้ว่า อยู่ในตะกร้าใบเดียวกัน มิหนำซ้ำ! ในตะกร้าใบเดียวกันนี้ยังมีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและประกันแบบบำนาญอีกด้วย
ด้วยวงเงินในการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีที่ค่อนข้างจำกัดนี้ ทำให้นักลงทุนต้องจัดสรรเงินลงทุนระหว่างกองทุนรวม SSF กับ RMF ให้ดี สำหรับวัยทำงานส่วนใหญ่มักจัดสรรเงินมาลงทุนในกองทุนรวม SSF มากกว่ากองทุนรวม RMF เพราะเงื่อนไขในการลงทุนที่ไม่ได้กำหนดให้ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ทำให้นักลงทุนวัยทำงานอย่างเราสบายใจมากกว่า นอกจากนี้ ระยะเวลาในการถือครองเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีก็สั้นกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนรวม RMF (สั้นกว่าสำหรับผู้ลงทุนที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี)
ดังนั้น กองทุนรวม SSF จึงนับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนลดหย่อนภาษี โดยปัจจุบันกองทุนรวม SSF มีนโยบายลงทุนให้เลือกหลากหลาย แตกต่างจากกองทุนรวม LTF ในสมัยก่อนที่เน้นลงทุนเฉพาะหุ้นไทย และด้วยความหลากหลายของนโยบายกองทุนนี้เอง ทำให้ผู้ลงทุนเลือกไม่ถูกว่าจะลงทุนกองทุนรวม SSF แบบไหนดี? ซึ่งอย่างแรกที่อยากจะแนะนำให้ทำ ก็คือ ตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าต้องการลงทุนในประเทศ หรือต่างประเทศ เพื่อเป็นการตัดตัวเลือกที่ไม่ต้องการออกไปก่อน
ปัจจุบันกองทุนบัวหลวงมีกองทุนรวม SSF ทั้งหมด 4 กองทุน โดยกองทุนรวม SSF ที่ผู้ลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดตอนนี้ คือ “กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นฟิวเจอร์เพื่อการออม (B-FUTURESSF)” เป็นกองทุนหุ้นต่างประเทศแบบ Feeder Fund ส่งเงินไปยังกองทุนหลัก 2 กองทุนชื่อว่า Allianz Global Artificial Intelligence ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องหรือใช้ประโยชน์จาก AI ปัญญาประดิษฐ์ ตั้งแต่การผลิต สินค้า และการบริการ อีกกองทุนหลักชื่อว่า Fidelity Fund - China Consumer Fund ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ได้รับผลดีจากเศรษฐกิจใหม่ของจีน (New China) ไม่ว่าจะเป็น การบริโภคสินค้าและบริการในกลุ่มเทคโนโลยี นวัตกรรม การผลิตสินค้าและการให้บริการที่ล้ำสมัย โดยกองทุนนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผล จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เหมาะกับคนรุ่นใหม่หรือคนทุกวัยที่หัวใจทันสมัย ก้าวไกลไปกับเทรนด์โลก Internet of things
กองทุนรวม SSF ที่ผู้ลงทุนให้ความสนใจรองลงมา คือ กองทุนผสมที่นโยบายลงทุนเปิดให้ลงทุนในต่างประเทศได้ ชื่อว่า “กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF)” กองทุนผสมที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก โดยส่วนที่เหลือจะนำเงินไปลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศตามหนังสือชี้ชวนระบุไว้ไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ แต่ในการบริหารจริงอาจมีสัดส่วนที่น้อยกว่านี้ โดยกองทุนนี้ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ด้วยความตั้งใจว่าผู้จัดการกองทุนจะผสมผสานการลงทุนให้อย่างลงตัวตลอดระยะเวลาลงทุน กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง และรับความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศได้
สำหรับผู้ลงทุนที่ไม่อยากลงทุนในต่างประเทศ กองทุนบัวหลวงมีกองทุนรวม SSF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยอีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นไทยเพื่อการออม (BEQSSF) และกองทุนเปิดบัวหลวง 70/30 เพื่อการออม (BM70SSF) โดยทั้ง 2 กองทุนนี้มีนโยบายในการเลือกหุ้นเหมือนกัน คือ ลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แต่จะแตกต่างกันตรงที่กองทุนเปิดบัวหลวง 70/30 เพื่อการออม จำกัดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยไว้ไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิและมีนโยบายจ่ายเงินปันผล ในขณะที่กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นไทย ลงทุนในหุ้นไทยได้เต็มจำนวนและไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล สำหรับผู้ลงทุนที่อยากลงทุนในหุ้นไทย ในตอนนี้นับเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมหุ้นไทยในราคาย่อมเยา
โดยสรุปก็คือ สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนกองทุนรวม SSF เพื่อลดหย่อนภาษี อย่างแรกที่ต้องทำคือ จัดสรรเงินลงทุนให้ถูกต้องตามสิทธิ จากนั้นตอบตัวเองให้ได้ว่าต้องการลงทุนในประเทศหรือต่างประเทศ เมื่อได้คำตอบแล้วก็เลือกลงทุนในกองทุนรวม SSF ที่มีนโยบายลงทุนสอดคล้องกับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตัวเอง ทั้งนี้ ก็เพื่อความสบายใจของตัวเอง เพราะอย่าลืมว่าเราจะต้องถือครองหน่วยลงทุนกองทุนรวม SSF นี้ไปอีก 10 ปีนับจากวันที่ลงทุน แม้ว่าความเป็นจริงเราจะสามารถสับเปลี่ยนกองทุนรวม SSF ไปมาระหว่างกองทุนรวม SSF ด้วยกันได้ รวมถึงสามารถโอนย้ายกองทุนรวม SSF ข้ามบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ได้ แต่ก็ไม่แนะนำให้สับเปลี่ยน/โอนย้ายบ่อยเกิดไป เพราะอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสับเปลี่ยนหรือโอนย้ายมากเกินไปโดยไม่จำเป็น