กองทุนอสังหาริมทรัพย์ศรีพันวาที่เป็นข่าวติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการตั้งข้อสังเกตถึงการลงทุนของกองทุนประกันสังคมที่เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ว่าทำไมถึงต้องลงทุนในกองทุนนี้
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา หรือ SPWPF จัดตั้งขึ้นโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ และทำการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกระหว่างวันที่ 17-26 กรกฎาคม 2556 ในราคา 10 บาทต่อหน่วย
กองทุนนี้จะลงทุนในกรรมสิทธิ์โครงการโรงแรมศรีพันวา จังหวัดภูเก็ต โดยซื้อจากบริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ มูลค่าโครงการ 2,001.83 ล้านบาทประกอบด้วย ที่ดินพื้นที่ประมาณ 21 ไร่ 2 งาน 55 ตารางวา อาคารและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือและอุปกรณ์ และงานระบบต่างๆ ของโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
ต่อจากนั้นจะนำทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนให้เช่าแก่บริษัท ศรีพันวา แมเนจเมนท์ จำกัด (บริษัทซึ่งมีบริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 99.99%) ภายใต้สัญญาเช่าระยะเวลา 15 ปี โดยคิดค่าเช่าคงที่ในสัดส่วนสูงของรายได้ทั้งหมดตลอดระยะเวลาของสัญญาเช่า โดย 5 ปีแรกค่าเช่าคงที่เริ่มที่ 151 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีที่ 6 เป็นต้นไปจะมีการปรับเพิ่มขึ้นของค่าเช่าคงที่ 10% ทุกๆ 3 ปี และภายหลังจากปีที่ 10 (ปีที่ 11-15) กองทุนรวมยังมีโอกาสที่จะได้รับค่าเช่าแปรผันเพิ่มเติมตามที่กำหนดในสัญญา
โดยโครงสร้างรายได้ค่าเช่านี้จะส่งผลให้กองทุนรวมมีรายได้ที่แน่นอนและสม่ำเสมอ นอกจากนี้ การรับประกันรายได้ค่าเช่าคงที่โดยบริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด และบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จะเพิ่มความมั่นใจให้แก่กองทุนรวมอย่างน้อย 5 ปีแรกนับตั้งแต่วันที่กองทุนรวมลงทุนทรัพย์สิน
ดังนั้น การลงทุนในกองทุนนี้ถือเป็นการลงทุนระยะยาวและนับเป็นการลงทุนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนและกองทุนถือครองสินทรัพย์ที่ลงทุนไม่ใช่สิทธิการเช่าซึ่งถือว่าเป็นข้อดีสำหรับการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีการจัดตั้งในช่วงนั้น นอกจากนี้ยังได้รับการการันตีรายได้จากค่าเช่าในอัตราที่สูงถึง 5 ปีในช่วงที่การท่องเที่ยวสร้างรายได้แก่ประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ
และเมื่อดูผลการดำเนินงานของกองทุนนี้ยังพบว่ามีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยไปถึง 8 ครั้ง รวมจำนวนทั้งสิ้น 1.9423 บาทต่อหน่วยก่อนมีการแปลงสภาพเป็นกองทรัสต์
นอกจากนี้ กองทุนอสังหาฯ ศรีพันวายังถือเป็นกองทุนแรกของไทยที่มีการแปลงสภาพจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 มาเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือว่ามีความยืดหยุ่นในการขยายการลงทุนได้มากกว่าประเภทเดิมที่ค่อนข้างจำกัดในการขยายสินทรัพย์การลงทุนหรือการจัดการสภาพคล่อง
ทั้งนี้ กองทุนได้แปลงสภาพเป็นกองทรัสต์เสร็จสิ้นและยกเลิกกองทุน SPWPF ในวันที่ 21 ธันวาคม 2559 ซึ่งส่งผลให้กองทุนรวม SPWPF สิ้นสภาพการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่บัดนั้น
สำหรับกองทรัสต์ SRIPANWA มีผลการดำเนินงานที่น่าสนใจ คือมีการปันผลทั้งสิ้น 8 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 1.7975 บาทต่อหน่วย ตั้งแต่เปลี่ยนมาเป็นกองทรัสต์ในปี 2560-2562
กองทรัสต์ SRIPANWA จึงถือเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเตี้ยติดดิน และตอบโจทย์นักลงทุนสถาบันที่ต้องการลงทุนระยะยาว และรายได้สม่ำเสมอได้
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบัน การดำเนินงานของศรีพันวาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเช่นกัน แต่ถ้าย้อนดูผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาฯ จนแปลงสภาพเป็นกองทรัสต์แล้ว SRIPANWA จะยังคงเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในช่วงสถานการณ์ปกติจนกว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับตัวขึ้นหรือมีสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า
ส่วนจะน่าสนใจเท่าเดิมหรือไม่คงต้องพิจารณากันอีกครั้งว่าการท่องเที่ยวไทยจะเป็นอย่างไร