นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า จากที่ได้เสนอขายกองทุนประเภท Super Savings (ชนิดเพื่อการออมพิเศษ) บริษัทฯ ได้รับเสียงตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ส่งผลให้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ (ที่มา : Morningstar ณ วันที่ 30 มิ.ย. 63) จากความสำเร็จดังกล่าว บริษัทฯ จึงต่อยอดด้วยการเสนอขายกองทุน SSF (Super Savings Fund) พร้อมกัน 16 กองทุนครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์เพื่อเป็นการสร้างทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย และเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคล โดยเริ่มเสนอขายตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 63 ที่ผ่านมา แบ่งตามประเภทสินทรัพย์ที่ลงทุน ดังนี้
กองทุนรวมตราสารหนี้ จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส (ชนิดเพื่อการออม) (SCBSFFPLUS-SSF) ลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศระยะสั้นที่มีคุณภาพ และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ พลัส (ชนิดเพื่อการออม) (SCBFP-SSF) ลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศที่มีคุณภาพอายุเฉลี่ย 1-3 ปี
กองทุนรวมผสม จำนวน 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สมาร์ทแพลน 2 (ชนิดเพื่อการออม) (SCBSMART2-SSF) ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ ความผันผวนเป้าหมายประมาณ 5% ต่อปี
กองทุนรวมตราสารทุน จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม) (SCBSE-SSF) ลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี 30 ตัว ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือตลาด และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนปันผล (ชนิดเพื่อการออม) (SCBDV-SSF) ลงทุนในหุ้นไทยที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
กองทุนรวมต่างประเทศ จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล สตราทีจิก อินเวสเมนท์ (ชนิดเพื่อการออม) (SCBGSIF-SSF) ลงทุนในตราสารหนี้เอกชนต่างประเทศที่มีคุณภาพ บริหารโดย PIMCO ผู้จัดการกองทุนระดับโลก, กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดเพื่อการออม) (SCBS&P500-SSF) เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี S&P500 ซึ่งเป็นดัชนีที่มีมูลค่ามากที่สุดของสหรัฐฯ (ที่มา : Investopedia ณ วันที่ 19 พ.ค. 2563) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้น Low Volatility (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLEQ-SSF) ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีคุณภาพด้านปัจจัยพื้นฐานดีและมีความผันผวนต่ำ
กองทุนรวมสินทรัพย์ทางเลือก จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (ชนิดเพื่อการออม) (SCBGOLDH-SSF) เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับราคาทองคำแท่งในตลาดโลก และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (ชนิดเพื่อการออม) (SCBPIN-SSF) ลงทุนในหน่วย Property/REITs และ/หรือหน่วย Infra ที่จดทะเบียนทั้งในและต่างประเทศ
กองทุน LTF เดิมที่นักลงทุนให้ความสนใจ เพื่อโอกาสการลงทุนอย่างต่อเนื่องจากนโยบายเดิม จำนวน 6 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLT1-SSF) ลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี 70% และตราสารหนี้คุณภาพ 30%, กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLT2-SSF) ลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ, กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLT3-SSF) ลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง, กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLT4-SSF) ลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง และหุ้นต่างประเทศไม่เกิน 35%, กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เซ็ท อินเด็กซ์ (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLTSET-SSF) กองทุน SSF เดียวในประเทศไทยที่เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี SET Index และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLTT-SSF) ลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง และหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
“ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เริ่มอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ ทำให้หลายประเทศรวมถึงไทยได้มีการผ่อนคลาย Lockdown ส่งผลเศรษฐกิจค่อยๆ เริ่มฟื้นตัวแต่ก็คงใช้เวลาพอสมควรกว่าจะกลับมาเหมือนเดิม การลงทุนด้วยเป้าหมายระยะยาวจึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะช่วยสร้างวินัยในการออมระยะยาวให้แก่นักลงทุน เพราะนอกจากจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว การถือครองยาวจะช่วยลดโอกาสการขาดทุนเมื่อครบกำหนดด้วย รวมถึงการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผลตอบแทนในระยะยาวมีเสถียรภาพมากขึ้นเช่นกัน” นายณรงค์ศักดิ์กล่าว