กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) เผยไตรมาส 4 ปี 2562/2563 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 962.5 ล้านบาท มีอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ 98.0% จึงเร่งนำกระแสเงินสดจากการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2562/2563 จ่ายคืนเงินทุนผู้ถือหน่วย 0.130 บาทต่อหน่วย วันที่ 29 มิถุนายนนี้ ขณะที่ผลการดำเนินงาน ทั้งปี 2562/2563 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 4,730 ล้านบาท มีอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ 98.2% จ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วยได้ 0.775 บาทต่อหน่วย
นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี 2562/2563 หรืองวดวันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2563 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 962.5 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และลดลง 23.4% จากไตรมาสก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากรายได้รวมที่ลดลงและค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้น โดยไตรมาสนี้จำนวนผู้โดยสารรวมอยู่ที่ 50.4 ล้านเที่ยวคน ลดลง 17.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 19.9% จากไตรมาสก่อน ขณะที่อัตราค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 28.9 บาทต่อเที่ยวการเดินทาง ลดลง 0.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และลดลง 1.3% จากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ ไตรมาส 4 ปี 2562/2563 กองทุนรับรู้ขาดทุนสุทธิจากการวัดมูลค่าเงินลงทุน 5,907.4 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากมีการประเมินมูลค่าใหม่ เมื่อมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้ค่าโดยสารสุทธิ ซึ่งก็คือสถานการณ์โควิด-19
ในการประเมินได้ปรับปรุงสมมติฐานต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น เช่น การปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การปรับลดอัตราเงินเฟ้อ การเลื่อนการปรับปรุงสถานีสะพานตากสิน และการชะลอการเปิดรถไฟฟ้าสายต่างๆ เป็นต้น ส่งผลให้มูลค่าเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิตามมูลค่ายุติธรรมลดลง 5,890.0 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการลดลงทางบัญชี ไม่ได้มีกระแสเงินสดออกไปจริง นอกจากนี้ ยังมีการบันทึกเงินลงทุนในสถานีศึกษาวิทยา (S4) จำนวน 17.6 ล้านบาท โดยมูลค่าเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 52,410.0 ล้านบาท จาก 58,300 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 และลดลงจาก 59,100.0 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562
นายพรชลิตกล่าวว่า สำหรับภาพรวมทั้งปี 2562/2563 กองทุน BTSGIF มีรายได้รวม 4,818.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทำให้รายได้จากเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น สำหรับรายได้ค่าโดยสารทั้งปี 2562/2563 อยู่ที่ 6,814.2 ล้านบาท ลดลง 2.1% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2563 เป็นต้นมา ทำให้จำนวนผู้โดยสารรวมลดลง 1.7% เป็น 236.9 ล้านเที่ยวคน (รวมผู้โดยสารเดินทางฟรีเนื่องในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๑๐ วันที่ 5-6 พฤษภาคม และ 12 ธันวาคม 2562 จำนวน 2.1 ล้านเที่ยวคน) ส่งผลให้อัตราค่าโดยสารเฉลี่ยทั้งปี 2562/2563 ลดลง 0.4% จากปีก่อน
เมื่อรวมแล้ว ทั้งปี 2562/2563 กองทุน BTSGIF มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 4,730.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% จากปีก่อน เป็นผลจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายรวมที่ลดลง และมีอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิเป็น 98.2% เพิ่มขึ้นจาก 97.9% ในปีก่อน ขณะเดียวกัน กองทุนรับรู้ขาดทุนสุทธิจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 6,729.8 ล้านบาท จากการประเมินมูลค่าใหม่ รวมถึงการบันทึกเงินลงทุนในสถานีศึกษาวิทยา (S4) รวม 40.0 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนมีเงินสดจากการดำเนินงาน รอบระยะเวลาบัญชี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2563 จำนวน 944.96 ล้านบาท แต่จากการขาดทุนอันเนื่องมาจากการวัดมูลค่าเงินลงทุน 5,890.0 ล้านบาท ที่เป็นรายการทางบัญชี ทำให้กองทุนไม่สามารถจ่ายเงินออกมาในรูปแบบเงินปันผลได้ ดังนั้นบริษัทจัดการจะนำเงิน 752.44 ล้านบาทไปดำเนินการจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยในรูปแบบการคืนเงินทุน 0.130 บาทต่อหน่วย ด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้ จาก 10.081 บาทต่อหน่วย เหลือ 9.951 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อกำหนดสิทธิในการรับคืนเงินทุนวันที่ 15 มิถุนายน 2563 และจ่ายคืนเงินทุนวันที่ 29 มิถุนายน 2563
เมื่อรวมการจ่ายเงินคืนทุนในไตรมาส 4 ปี 2562/2563 ทำให้ตลอดทั้งปี 2562/2563 กองทุน BTSGIF จ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเท่ากับ 0.775 บาทต่อหน่วย แบ่งเป็น การจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.284 บาทต่อหน่วย และการจ่ายคืนเงินทุนอัตรา 0.491 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ มูลค่าทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่กองทุนลงทุนในปัจจุบันจะลดลงตามอายุของสิทธิในรายได้สุทธิตามสัญญาสัมปทานที่จะหมดอายุในปี 2572 และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาตามสิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิดังกล่าวที่กองทุนได้ลงทุน มูลค่าหน่วยลงทุนจะลดลงจนถึงศูนย์บาท
นายพรชลิตกล่าวว่า กองทุนบัวหลวงยังเชื่อมั่นว่าระบบขนส่งมวลชนทางราง BTS เป็นทางเลือกที่รวดเร็ว สะดวกสบาย สำหรับผู้โดยสารในกรุงเทพมหานคร และด้วยแนวโน้มการเดินทางที่มีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่องจากการขยายตัวของชุมชนเมืองโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่มีประชากรหนาแน่นมากและจะหนาแน่นเพิ่มขึ้นทุกปี โดยที่ยังไม่รวมกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ไปแล้ว ดังนั้น กองทุน BTSGIF ก็ยังมีศักยภาพในการเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว