xs
xsm
sm
md
lg

บัวหลวงชี้เป้าหุ้นกลุ่มน่าลงทุน สุขภาพ-เทคโนโลยีแนวโน้มดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือกองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนรวมเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INNOTECHRMF) ที่ลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Funds-Global Technology Fund ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นกลุ่มนี้ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของดัชนีหุ้นทั่วโลก

ทั้งนี้ สาเหตุที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นโดยรวม เนื่องจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยีในภาพรวมไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นทั้งฝั่งภาคธุรกิจหรือฟากผู้บริโภค ทั้งสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมายังเอื้อประโยชน์ต่อสินค้าหรือบริการด้านเทคโนโลยีบางกลุ่มอีกด้วย เช่น ในภาคธุรกิจ มีความต้องการใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีรองรับการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home ด้วย ส่วนผู้บริโภคก็มีการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งการปรับพฤติกรรมของผู้บริโภคจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซให้เร่งตัวได้หลังจากนี้ เช่นเดียวกับบริการด้านความบันเทิงออนไลน์ ทั้งเกม และวิดีโอสตรีมมิ่ง ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

สำหรับหุ้นเทคโนโลยีที่กองทุนหลักลงทุนและให้ผลตอบแทนเชิงบวก ได้แก่ กลุ่มสื่อและบริการสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ (Interactive Media and Services) สัดส่วน 10.3% กลุ่มความบันเทิง 6.2% ทั้ง 2 กลุ่มนี้ได้รับประโยชน์จากการทำงานจากที่บ้านและ Social Distancing อย่างไรก็ดี กองทุนหลักให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ เพราะมองว่ามีจุดเด่นเรื่องความสามารถในการสร้างรายได้ในรูปกระแสเงินสดที่สูง มีงบการเงินแข็งแกร่ง และหนี้สินต่ำ ซึ่งราคาหุ้นยังไม่ได้ตอบสนองปัจจัยด้านพื้นฐานเท่าที่ควร เพราะก่อนหน้านี้นักลงทุนเน้นซื้อหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่มากกว่า เนื่องจากมองว่าเป็นหุ้นที่ปลอดภัยกว่า

ส่วนหุ้นเทคโนโลยีที่กองทุนหลักลงทุนแล้วให้ผลตอบแทนในเชิงลบ ได้แก่ กลุ่มซอฟต์แวร์ มีสัดส่วน 17.1% ของพอร์ตลงทุน เป็นซอฟต์แวร์ธุรกิจ โดยในช่วงโควิด-19 ระบาดได้รับผลกระทบระยะสั้นจากการที่บริษัทต่างๆ ชะลอการใช้งบลงทุนและพัฒนาด้านไอทีไปบ้าง และยังคงมีความไม่แน่นอนสูงในช่วงที่เหลือของปี แต่แนวโน้มระยะยาวยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต

ขณะที่กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCARERMF) ซึ่งลงทุนในกองทุนหลัก Wellington Global Health Care Equity Portfolio นำเสนอข้อมูลล่าสุดว่าเหตุการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้เทคโนโลยีเทเลเมดิซีน หรือการสื่อสารโต้ตอบแบบเรียลไทม์ระหว่างผู้ป่วยกับบุคลากรทางการแพทย์มีแนวโน้มที่จะนำมาใช้มากขึ้น สำหรับกองทุนหลักลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทางการแพทย์มากที่สุดถึง 31% ของพอร์ตลงทุน มากกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เพราะมองเห็นความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ทางการแพทย์

ในระยะสั้น กองทุนหลักมีมุมมองเชิงบวกแบบระมัดระวังต่อหุ้นกลุ่มสุขภาพในสหรัฐฯ เพราะยังมีประเด็นการเมืองและการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่รบกวนอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าการปฏิรูปราคายาของสหรัฐฯ หรือโอกาสที่จะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพในสหรัฐฯ จากระบบเดิมไปสู่ระบบใหม่ที่ดำเนินการโดยรัฐหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีปีนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากใช้งบประมาณของประเทศสูงเกินกว่าที่รัฐบาลจะแบกรับไหว

กองทุนหลักมองว่าหุ้นกลุ่มสุขภาพทั่วโลกยังเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นกลุ่มอื่น เพราะเป็นหุ้นปลอดภัยที่ได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยเชิงโครงสร้างประชากรในระยะยาว และความต้องการสินค้าในกลุ่มยานั้นได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดน้อยมาก

ทั้งนี้ โดยภาพรวมแล้วหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นสุขภาพเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ในช่วง 4 เดือนแรกที่ผ่านมา โดยจากข้อมูลที่นำเสนอแสดงให้เห็นว่าในสภาวะที่มีโรคระบาดทำให้เห็นความน่าลงทุนของหุ้นทั้ง 2 กลุ่มนี้มากขึ้น ซึ่งกองทุนบัวหลวงก็มีทั้งกองทุน B-INNOTECH และ B-INNOTECHRMF สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีระยะยาว รวมไปถึงกองทุน BCARE และ BCARERMF สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มสุขภาพระยะยาว
กำลังโหลดความคิดเห็น