นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 188 เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2561 อายุ 12 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Agricultural Bank of China, China Construction Bank Asia, AL Khalij Commercial Bank ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ลงทุนใน Bank of China 15% และลงทุนในตราสารหนี้ ICICI Bank LTD-SPON ADR และ MASHREQBANK สถาบันการเงินละ 14% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณ 1.45% ต่อปี
อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามียอดซื้อสุทธิประมาณ 35,437 ล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤษภาคมออกมาดีกว่าคาด รวมถึงเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนในฝั่งยูโรโซนหลัง ECB มีแนวโน้มที่จะลดขนาดการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าคาด โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปีอยู่ที่ 2.5% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปีอยู่ที่ 2.77% ต่อปี และอายุคงเหลือ10 ปีอยู่ที่ 2.93% ต่อปี
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันเฟดได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการปรับตัวดีขึ้น การขยายตัวทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นในอัตราที่แข็งแกร่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลง และการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนปรับตัวขึ้น
นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปีนี้สู่ระดับ 2.8% จากเดิมที่ 2.7% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 2.10% จากเดิมที่ระดับ 1.9% ส่วนอัตราการว่างงานในปีนี้ เฟดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.6% จากเดิมที่ 3.8%