บลจ.กรุงไทยเพิ่มทุนกองหุ้นจีน ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ หลังนักลงทุนแห่ลงทุนเพียบ ชูผลงานเด่น ย้อนหลัง 1 ปีผลตอบแทน 12.92% เน้นลงทุนหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน พร้อมเปิดขาย 2 กองตราสารหนี้ต่างประเทศใหม่ ลงทุน 6 เดือน และ 1 ปี ชูผลตอบแทน 1.65% และ 1.40% ต่อปี ตามลำดับ
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเคแทม ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ (KT-CHINA) นักลงทุนให้ความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องจดทะเบียนเพิ่มเงินทุนของโครงการ จาก 2,000 ล้านบาท เป็น 3,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของกองทุนในอนาคต โดยกองทุนดังกล่าวจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2560 ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 879 ล้านบาท ผลตอบแทน ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ย้อนหลัง 1 เดือน อยู่ที่ 12.92% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน MSCI China 10/40 Net TR USD Index อยู่ที่ 12.16% มูลค่า NAV ต่อหน่วย ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2560 อยู่ที่ 11.3107 บาท
กองทุน KT-CHINA จะเน้นในหน่วยลงทุนของกองทุน BGF China Fund (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม หรือตามอัตราส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด กองทุนหลักมีวัตถุประสงค์มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) และจะลงทุนอย่างน้อย70% ของสินทรัพย์รวมของกองทุนในตราสารทุนของบริษัทที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจีน หรือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีนที่จดทะเบียนทั้งในและต่างประเทศ โดยกองทุนจะเน้นการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในรูปเงินสกุลฮ่องกงดอลลาร์ (HKD) และกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปตามแนวทางเศรษฐกิจใหม่ของจีน (China ‘s New Economic) ซึ่งประกอบด้วยหุ้นในกลุ่มการบริการทางการเงิน โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ พลังงานและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 162 (KTFF162) และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 163 (KTFF163) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2560 เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยกองทุน KTFF162 อายุ 1 ปี ลงทุนในบัตรเงินฝาก Bank of China, Agricultural Bank of China, The Bank of East Asia Limited ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ส่วนที่เหลือลงทุนใน บัตรเงินฝาก Industrial and Commercial Bank of CHINA 14% และ เงินฝากประจำ Union National Bank PJSC 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณ 1.65% ต่อปี
ส่วนกองทุน KTFF163 อายุ 6 เดือน ลงทุนในบัตรเงินฝาก Bank of China, Agricultural Bank of China, China Construction Bank และ Bank of Communication ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ส่วนที่เหลือลงทุนใน Industrial and Commercial Bank of CHINA 14% และ Union National Bank PJSC 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณ 1.40% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุน บุคคลธรรมดาผลตอบแทนไม่เสียภาษี
สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวผันผวนตามแรงซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ หลังมีเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้เกิดใหม่ รวมถึงไทยจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอเมริกาที่ทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาต้องชะลอออกไป สัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติเป็นยอดซื้อสุทธิจำนวน 11,021 ล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวผันผวนตามปัจจัยทางการเมืองที่ทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาต้องชะลอออกไป ในขณะที่มีแรงขายทำกำไรและแรงซื้อกลับหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ( Fed) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมท่ามกลางตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ปี 2560 ของสหรัฐอเมริกาที่ออกมาต่ำกว่าคาด โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 bps มาอยู่ที่ 1.35% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 bps มาอยู่ที่ 1.83% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 bps มาอยู่ที่ 2.29% ต่อปี