นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงได้รับประโยชน์จากความแน่นอนของการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าปีนี้เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในครั้งต่อไปในช่วงเดือนธันวาคมประมาณ 40.4% เนื่องจากมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงห่างจากเป้าหมาย 2% ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในการประชุมในครั้งนี้ โดยยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1-1.25% เท่ากับการประชุมครั้งก่อน อย่างไรก็ดียังคงต้องติดตามคำแถลงการณ์หลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดเกี่ยวกับท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ซึ่งอาจมีผลให้คณะกรรมการฯ ตัดสินใจชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ ออกไป
หากเฟดไม่มีท่าทีในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ การเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนยังคงอยู่ในตลาดเกิดใหม่รวมถึงภูมิภาคอาเซียน โดยหากพิจารณาอัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียนจากการปรับตัวของดัชนี STOXX ASEAN Select Dividend 30 Index ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (21 ก.ค. 60) ที่ผ่านมามีผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 13.88% สะท้อนว่าผลการดำเนินงานของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอาเซียนยังคงสูงกว่าผลตอบแทนของดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก MSCI World ที่มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 11.85% นายพจน์กล่าว
สำหรับกองทุน ONE-STOXXASEAN ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในประเทศสิงคโปร์ด้วยนั้น จากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปีนี้ได้รับผลดีต่ออัตราผลตอบแทนของกองทุน โดยคณะกรรมการมีมติประกาศจ่ายปันผลกองทุนวรรณ STOXX อาเซียน (ONE-STOXXASEAN) จากกำไรสุทธิของผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม 30 มิถุนายน ในอัตราหน่วยลงทุนละ 2.50 บาทสำหรับนักลงทุนในประเทศ หรืออัตราหน่วยลงทุนละ 0.074704916 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับหน่วยลงทุนที่ได้ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 33.465 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง บลจ.วรรณจะดำเนินการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวข้างต้นให้ผู้ลงทุนที่ซื้อขายในประเทศไทยและซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 1 สิงหาคม 2560