บลจ.แอสเซท พลัส เชื่อหุ้นไทยขนาดเล็กและขนาดกลาง (Small-Mid Cap) เติบโตก้าวกระโดด เตรียมส่ง “กองทุน ASP-SME” ลงตลาด เน้นวิเคราะห์เจาะลึก คัดหุ้นบริษัทที่เติบโตสูงรับกระแส Mega Trend เสนอขายพร้อม “กองทุน ASP-FLEXPLUS” ชูจุดเด่นกรอบการลงทุนยืดหยุ่นลงทุนหุ้นไทยได้ในสัดส่วน 0-100% ควบคู่โอกาสกระจายการลงทุนไปในหุ้นภูมิภาค เสนอขายครั้งแรกพร้อมกัน 17 กรกฎาคม-1 สิงหาคม 2560
นายรัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด (บลจ. แอสเซท พลัส) เปิดเผยว่า บลจ.แอสเซท พลัส มองตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังปรับตัวในกรอบแคบและยังมี Upside ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากการบริโภคในประเทศเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ โดยมองเป้าหมาย SET Index ในกรอบ 1,600-1,650 จุด ทั้งนี้ เชื่อว่าในครึ่งปีหลังจะเห็นเม็ดเงินในการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐเพิ่มขึ้น เช่นกันกับตัวเลขภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ขณะที่หุ้นขนาดเล็กและขนาดกลาง (Small-Mid Cap) ยังมีโอกาสเติบโตสูง ทั้งยังเป็นจังหวะสำหรับการเข้าลงทุนในระยะยาวเนื่องจากมูลค่าหุ้น (valuation) ในปัจจุบันถือว่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับศักยภาพการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน ซึ่งคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มจะเติบโตที่ 9% ในปีนี้ และ 11% ในปี 2561
กลางในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ระดับความเสี่ยง 6 มีจุดเด่นที่กระบวนการวิเคราะห์และคัดสรรหุ้นแบบเจาะลึกโดยมุ่งเน้นหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจสูง มีโมเดลในการบริหารธุรกิจที่ชัดเจน ฐานลูกค้าขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงมีกลยุทธ์การสร้างแบรนด์แข็งแกร่งและให้ความสำคัญต่อ Customer Engagement ทั้งนี้ บลจ.แอสเซท พลัส มองว่าหุ้นขนาดเล็กและขนาดกลางของกลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิตอล ธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวจีน
“นอกจากกองทุน ASP-SME แล้ว ในช่วงเวลาเดียวกัน บลจ.แอสเซท พลัสจะเสนอขายกองทุนเปิด แอสเซทพลัส เฟล็กซิเบิ้ล พลัส (ASP-FLEXPLUS) เพื่อเป็นทางเลือกในการกระจายการลงทุนเพิ่มเติม โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนผสม ระดับความเสี่ยง 5 ออกแบบมาเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจได้ทั้งในตลาดหุ้นขาขึ้นและตลาดขาลง เนื่องจากเน้นกลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรุกและมีกรอบการลงทุนที่ยืดหยุ่น 0-100% จึงสามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ทันต่อสถานการณ์ สามารถลงทุนได้ทั้งในตลาดหุ้นไทย ตราสารหนี้ในประเทศ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน REITs ทั้งยังสามารถกระจายการลงทุนไปในหุ้นภูมิภาคอาเซียนซึ่งเราเล็งเห็นว่าเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมได้เนื่องจากเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ ASEAN ยังเติบโตอย่างโดดเด่น ล่าสุด IMF คาดว่า GDP ของประเทศกลุ่ม ASEAN ในปี 2561 จะขยายตัวถึง 5.1% สูงกว่าสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเติบโต 2.5% โดย บลจ.แอสเซท พลัสมองว่าตลาดหุ้นเวียดนามและฟิลิปปินส์ยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจเนื่องจากมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง ทั้งนี้ ในส่วนที่มีการลงทุนในต่างประเทศกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน” นายรัชต์กล่าว