xs
xsm
sm
md
lg

คปภ.ขันนอต “ประกันชีวิต-วินาศภัย” ปฏิบัติตามกติกาการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างเคร่งครัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงาน คปภ.ได้ออกประกาศ คปภ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2559 และประกาศ คปภ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการชดใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิต พ.ศ. 2559 เพื่อให้บริษัทมีระบบงานการจัดการสินไหม กระบวนการพิจารณาการชดใช้เงินตามสัญญาประกันภัย และกระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียนที่ชัดเจนเป็นมาตรฐานเดียวกัน มีประสิทธิภาพ สร้างความเป็นธรรมแก่ผู้เอาประกัน และทำให้จำนวนเรื่องร้องเรียนหรือข้อพิพาทด้านการประกันภัยลดลง ส่งผลให้ประชาชนผู้เอาประกันภัยมีความเชื่อมั่นต่อธุรกิจประกันภัย โดยประกาศทั้ง 2 ฉบับได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559 และมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2559) เป็นต้นมา

จากข้อเท็จจริงในปัจจุบันพบว่า การปฏิบัติตามประกาศ คปภ.ฯ ทั้ง 2 ฉบับ บริษัทประกันภัยยังไม่มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นสำนักงาน คปภ.จึงได้จัดการประชุมชี้แจงการปฏิบัติตามประกาศ คปภ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทนให้กับบริษัทประกันภัย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2560 ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เพื่อให้บริษัทประกันภัยได้รับทราบแนวทางปฏิบัติและมีความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนในการดำเนินการตามประกาศฯ ทั้ง 2 ฉบับ ที่ถูกต้องตรงกันและปฏิบัติให้เป็นแนวทางเดียวกัน รวมทั้งเพื่อให้ทราบว่าประกาศทั้งสองฉบับมีบทลงโทษ โดยผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และถ้าเป็นกรณีการกระทำความผิดต่อเนื่อง ยังมีโทษปรับอีกไม่เกินวันละ 20,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอีกด้วย บริษัทประกันภัยจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ​นอกจากนี้ การจัดประชุมครั้งนี้ยังเป็นโอกาสที่จะมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ระดมความคิดเห็น เพื่อให้เกิดแนวทางในการปฏิบัติร่วมกันในการจัดการเรื่องร้องเรียน การจัดการสินไหมหรือการชดใช้เงินตามสัญญาประกันภัย เพื่อให้บริษัทมีระบบงานที่ชัดเจน เป็นธรรม มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ตามที่ประกาศฯ กำหนด ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชน ทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเชื่อมั่นในธุรกิจประกันภัย อันจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาธุรกิจประกันภัยให้มีความก้าวหน้า มั่งคั่งและยั่งยืนต่อไป

เลขาธิการ คปภ.กล่าวด้วยว่า การจัดการสินไหมเพื่อผู้บริโภคในยุคดิจิตอลถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการทำงานของสำนักงาน คปภ.ที่กำหนดให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการขับเคลื่อนการประกันภัยในยุคดิจิตอล โดยเน้นย้ำการดำเนินการจัดการสินไหมและการจัดการเรื่องร้องเรียนเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งควรที่จะนำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ เช่น การยื่นเรื่องร้องเรียนผ่างทาง website (E-service) ระบบการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนระหว่างบริษัทประกันภัย (E-Recovery) การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-claim) การนำเทคโนโลยีโดรน (Drone) มาใช้ในการวิเคราะห์ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารที่เกิดวินาศภัย

อีกทั้งการใช้เทคโนโลยี Blockchain มาเป็นหนึ่งในกระบวนการตรวจสอบการฉ้อฉลประกันภัยจะช่วยให้การบริหารจัดการเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทประกันภัยควรมีการเผยแพร่ข้อยกเว้นที่จะไม่ให้ความคุ้มครองให้ชัดเจนเพื่อให้ลูกค้ารับทราบ ไม่ว่าจะบนเว็บไซต์ของบริษัทในรูปของ FAQ หรือผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ กระบวนการในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการมีฐานข้อมูลกลางเพื่อใช้ในการตรวจสอบก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญ รวมถึงการใช้ระบบอัตโนมัติหรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาช่วยในการประมวลผลเพื่อลดการใช้ดุลพินิจลง ซึ่งในประเทศมาเลเซีย หน่วยงานกำกับดูแลด้านประกันภัยได้กำหนดให้การจ่ายค่าสินไหมทดแทน บริษัทประกันภัยจะต้องชำระผ่านช่องทางออนไลน์ตรงเข้าไปที่บัญชีของผู้เอาประกันภัยโดยตรงเท่านั้น เพื่อลดขั้นตอนในการดำเนินงานและไม่เปิดช่องให้มีคนกลางหรือแก๊งเคลมเข้ามาแทรกแซง และบริษัทประกันภัยในประเทศมาเลเซียได้เริ่มนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ เพื่อให้การพิจารณาการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนทำได้เร็วขึ้น ซึ่งผลประโยชน์ที่ได้ก็จะตกแก่ผู้เอาประกันภัยอย่างแท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น