บมจ.กรุงเทพประกันภัยเผยผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกพลาดเป้าเล็กน้อย เนื่องจากการแข่งขันสูงในเชิงราคาเบี้ยประกันภัย แต่ยังมั่นใจปี 60 จะกลับมาทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 5% จากปัจจัยเมกะโปรเจกต์จากภาครัฐ พร้อมเปิดตัว BKI EsCard บัตรผู้เอาประกันภัยรูปแบบใหม่
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า ในปี 60 บริษัทวางเป้าหมายเพื่อรองรับดิจิตอลไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งจากเดิมที่ผู้เอาประกันภัยจะได้รับบัตรผู้เอาประกันภัยและกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ในรูปแบบของเอกสารความคุ้มครองต่างๆ โดยผู้เอาประกันภัยต้องจัดเก็บเอกสาร ซึ่งอาจไม่ได้รับความสะดวกเมื่อต้องการค้นหาข้อมูลต่างๆ ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ รวมถึงข้อมูลเพื่อการติดต่อกับบริษัทเช่น เลขที่กรมธรรม์ ความคุ้มครอง ระยะเวลาคุ้มครอง ที่อยู่สาขาและศูนย์บริการ อู่ในสัญญาและโรงพยาบาล การติดต่อแจ้งเคลมรถยนต์
ดังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วให้แก่ลูกค้าผู้เอาประกันภัย ล่าสุดบริษัทเปิดตัวนวัตกรรมการบริการกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์รูปแบบใหม่ BKI EsCard หรือบัตรผู้เอาประกันภัยรูปแบบใหม่ ที่พกพาและค้นหาข้อมูลการประกันภัยรถยนต์ของตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา
บริษัทคาดว่าในช่วงแรกเริ่มจะทดลองระบบ BKI EsCard กับฐานลูกค้าประกันภัยรถยนต์ทั้งหมดมีจำนวน 400,000 กรมธรรม์ หรือคิดเป็นสัดส่วนรับประกันภัยมากสุดถึง40% ของพอร์ตรับประกันภัยทั้งสิ้นปัจจุบันกว่า 1 ล้านกรมธรรม์ และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เตรียมขยายไปยังการรับประกันภัยประเภทอื่นๆ ด้วย เช่นประกันภัยอุบัติเหตุ ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง และประกันสุขภาพ หวังว่าลูกค้าของบริษัทสัดส่วน 70% จะเข้าสู่ระบบ EsCard ได้
สำหรับ BKI EsCard เป็นความร่วมมือกับบริษัท ECARTSTUDIO จำกัด ได้นำระบบ Electronic Card มาพัฒนาที่รวบรวมข้อมูลของผู้เอาประกันภัย และรายละเอียดต่างๆ ที่มีอยู่ในกรมธรรม์ประกันภัยมารวมอยู่ในโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนที่เดียว เพียงเพิ่ม BKI EsCard ลงในแอปพลิเคชัน Wallet ลูกค้าจะสามารถค้นหาข้อมูลการประกันภัยรถยนต์ของตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา และสามารถแจ้งหรือทำเคลมรถยนต์ออนไลน์ได้ทันที พร้อมทั้งยังมีบริการแจ้งเตือนต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยโดยอัตโนมัติ รวมถึงการแจ้งโปรโมชันและสิทธิพิเศษต่างๆ โดยทุกขั้นตอนสามารถทำได้ด้วยตนเอง
ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทยังได้พัฒนาโครงการ BKI Telematics Phase 2 : Fleet Solution ซึ่งจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าธุรกิจองค์กรหรือกลุ่ม Fleet รถยนต์ประเภทต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ คาดว่าจะเริ่มใช้ระบบได้ประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้ และจะทำให้แนวโน้มลูกค้าในโครงการ BKI Telematic เติบโตมากขึ้น
หลังจากบริษัทได้พัฒนาโครงการดังกล่าวขึ้นเป็นแห่งแรกตั้งแต่ช่วงกลางปี 2558 ที่ผ่านมา จนถึง ณ ปัจจุบันนี้มีลูกค้าสนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าวกว่า 10,000 รายยังถือว่าเติบโตน้อยกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากจุดเริ่มต้นของโครงการจะเน้นไปที่ Usage Based Insurance หรือเบี้ยประกันภัยตามความเสี่ยงภัยรายบุคคล ซึ่งยังต้องใช้ระยะเวลาเก็บสถิติและทำความเข้าใจกับลูกค้า
ทั้งนี้ โครงการ BKI Telematics Phase 2 : Fleet Solution สามารถนำระบบ All Live Vehicles ทำให้กลุ่มลูกค้าองค์กรมองเห็นความเคลื่อนไหวของรถยนต์ทุกคันพร้อมกันในหน้าจอเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและสามารถติดตามรถยนต์ที่อยู่ในความดูแลได้ในเวลาพร้อมกัน ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดเดิมของ Telematics Phase แรก โดยลูกค้าองค์กรแต่ละประเภทสามารถกำหนดฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ได้ด้วยตนเอง ได้แก่ การบริหารจัดการเรื่องการใช้รถยนต์ การควบคุมความเร็วเพื่อความปลอดภัยในขณะขับขี่ และการจัดทำรายงานการใช้งานกลุ่มรถยนต์ตามวัตถุประสงค์ของแต่ละบริษัทได้ด้วยตนเอง
สำหรับผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกพลาดเป้าไปเล็กน้อยเนื่องจากมีการแข่งขันสูงในเชิงราคาเบี้ยประกันภัย แต่ยังมั่นใจปีนี้จะเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ 5% จากปัจจัยเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ รวมทั้งนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เข้ามาเสริมคือ BKIEsCard
ขณะที่เป้าหมายเบี้ยรับประกันภัยบริษัทยังคงคาดว่าจะเติบโต 5% คิดเป็นมูลค่า 16,665 ล้านบาท โดยบริษัทยังเน้นสร้างดุลยภาพของการตรวจสอบสำรวจภัยอย่างเข้มข้นและวิเคราะห์ความเสี่ยงในแต่ละกลุ่มให้ดี เพื่อกำหนดราคาเบี้ยที่เหมาะสมและนำไปสู่การแข่งขันในอนาคตได้ด้วย โดยบริษัทยังมีกำไรจากการรับประกันภัยและยังคงตั้งเป้าหมายในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และทำให้อัตราความเสียหายดีขึ้นภาพรวมไม่เกิน 50% และรถยนต์ไม่เกิน 60%
