xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นก่อการร้ายกระทบลงทุน KTAM ชี้โอกาสดี LTF/RMF

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.กรุงไทยเผยนักลงทุนยังไม่กล้าตัดสินใจลงทุนกอง LTF/RMF ช่วงนี้ โดยมีสาเหตุสำคัญอยู่ที่ต่างประเทศในยุโรป โดยเฉพาะในตุรกีและเยอรมนีที่มีความกังวลเรื่องการก่อการร้าย ส่งผลให้มีเงินออกสู่ตลาด Emerging market ค่อนข้างจำกัด

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นักลงทุนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจลงทุนในกองทุน LTF / RMF ในช่วงเวลานี้น่าสนใจ เพราะตลาดหุ้นปรับตัวลดลง และเป็นโอกาสการลงทุนใน LTF / RMF รอบสุดท้ายของปี เนื่องจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างประเทศ ความกังวลต่อการก่อการร้ายในเยอรมนีและตุรกี และปัจจัยกระทบจากค่าเงินที่อ่อน ส่งผลให้มีเงินไหลออกไปสู่ตลาด Emerging market แต่อย่างไรก็ตามการไหลออกของเงินลงทุนค่อนข้างจำกัด

ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนใน LTF / RMF โดย บลจ.กรุงไทยมีหลายกองทุนที่น่าสนใจ และสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนได้สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน AIMC เช่น กองทุนเปิดกรุงไทยผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF1) เน้นลงทุนในหุ้นผสมตราสารหนี้ โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2559 1 ปี อยู่ที่ 13.25% 5ปี อยู่ที่ 44.08% และ 10 ปี อยู่ที่ 176.93% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน AIMC 1 ปีอยู่ที่ 10.00% 5 ปีอยู่ที่ 32.25% และ 10 ปีอยู่ที่ 74.32%

หากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ขอแนะนำกองทุนเปิดกรุงไทย คอนเซอเวทีฟ 25/75 เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT25/75RMF) เน้นลงทุนในหุ้นไม่เกิน 25% ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนนย้อนหลัง 1 อยู่ที่ 12.06% และ YTD อยู่ที่ 11.02% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน AIMC 1 ปี อยู่ที่ 5.19% และ YTD อยู่ที่ 5.07% กองทุนนี้จัดตั้งกองทุนในเดือนธันวาคม ปี 2557

ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว (KTLF) เป็นกองทุนที่ Morningstar จัดอันดับให้เป็นหนึ่งในกองทุนที่มีค่า Batting Average สูงติดอันดับในรอบ 3 ปี 5 ปี และ 10 ปีโดยกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนชนะดัชนีชี้วัด(Benchmark) ได้อย่างสม่ำเสมอ กองทุนนี้เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 18.57% 5 ปีอยู่ที่ 60.79% และ 10 ปีอยู่ที่ 205.74% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดย 3 ปีอยู่ที่ 11.62% 5 ปีอยู่ที่ 47.61% และ 10 ปีอยู่ที่ 106% กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนรับความเสี่ยงได้ โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นไม่ต่ำกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

นักลงทุนที่มองหาการลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET50 บริษัทมีกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว SET 50 (KSET50LTF) เน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม SET50 และผลตอบแทนอ้างอิงดัชนี SET50 แต่บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนได้สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 18.05% 3 ปีอยู่ที่ 10.45% และ 5 ปีอยู่ที่ 48.40% ส่วนเกณฑ์มาตรฐาน AIMC 1 ปีอยู่ที่ 14.87% 3 ปีอยู่ที่ 2.14% และ 5 ปีอยู่ที่ 31.47%

นางชวินดากล่าวต่อไปว่า ทิศทางตลาดหุ้นปีหน้าคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มที่ดี นักลงทุนมีการปรับพอร์ตการลงทุนไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นเพราะรับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยคาดว่าดัชนีในปีหน้าจะอยู่ที่ 1,670 จุด ดังนั้น ในช่วงเวลานี้จนถึงสิ้นปีคาดว่าดัชนีจะอยู่แถวๆ 1,500 จุด บวกลบไม่มากนัก

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 125 (KTFF125) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2559 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ อัตราผลตอบแทนของทั้ง3 สถาบันการเงินเท่ากันอยู่ที่ 1.85% ต่อปี ส่วนเงินฝากประจำ Ahli Bank QSC อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.90% ต่อปี และเงินฝากประจำ First Gulf Bank PJSC อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.80% ต่อปี โดยสัดส่วนการลงทุนสถาบันการเงินละ 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนมีค่าใช้จ่ายประมาณ 0.25% ต่อปี ดังนั้น ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.60% ต่อปี ซึ่งกองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
กำลังโหลดความคิดเห็น