xs
xsm
sm
md
lg

จับตาจุดเริ่มต้นการเมืองอิตาลี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หากกล่าวถึงสหภาพยุโรปในช่วงเวลานี้ การลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเทศอิตาลี วันที่ 4 ธ.ค.นี้ จะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญต่อกลุ่มประเทศสมาชิกภาพ โดยตลาดการเงินทั่วโลกต่างจับตาผลการทำประชามติดังกล่าว ซึ่งอาจจะส่งผลต่อสหภาพยุโรปและตลาดการเงินทั่วโลก สาเหตุหลักๆ ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ คือ ความต้องการลดทอนอำนาจสมาชิกวุฒิสภาเพื่อทำให้ขั้นตอนในการแก้ไขกฎหมายมีความสะดวกมากขึ้น ด้วยการลดจำนวนที่นั่งวุฒิสภาลงจาก 350 ท่าน เหลือ 100 ท่าน แต่ประเด็นสำคัญของผลประชามติในครั้งนี้ คือ หากประชาชนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีอิตาลี มัตเตโอ เรนซี จะลาออกจากตำแหน่ง และอาจมีความเสี่ยงจากนโยบายการเมืองภายในและเป็นความเสี่ยงของอิตาลีต่อการดำรงอยู่ในสถานะสมาชิกภาพของประเทศกลุ่มยูโร

จากเหตุการณ์ประชามติ ผมวิเคราะห์สถานการณ์ออกเป็น 3 แบบ ซึ่งแต่ละแบบจะมีผลกระทบต่อสินทรัพย์ทั้งตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกัน โดยกรณีแรกที่ประชาชนลงมติเห็นด้วย การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังคงดำรงต่อไปได้ พรรคการเมืองของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันยังคงเป็นพรรครัฐบาลไปจนหมดวาระในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นยุโรป และตลาดตราสารหนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มทรงตัว จากปัจจัยบวกของเสถียรภาพในกลุ่มสหภาพยุโรปด้านอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น กรณีสอง ลงมติไม่เห็นด้วย โดยมีรัฐบาลชั่วคราว คือ นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง โดยพรรครัฐบาลแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีขึ้นใหม่แทน หรือจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อบริหารประเทศ ข้อดีคือรัฐบาลจะบริหารประเทศตามปกติ แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงมีอยู่ ซึ่งหากเป็นแบบกรณีนี้ ในระยะสั้นตลาดหุ้นมีโอกาสผันผวน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากแรงขายในพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลีและประเทศอื่นในสหภาพยุโรป ซึ่งค่าเงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่าจากการไหลออกของเม็ดเงินลงทุน กรณีที่สาม ลงมติไม่เห็นด้วย และเกิดการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ความสำคัญคือ หากพรรคคู่แข่ง (พรรค M5S) ชนะการเลือกตั้งอาจเป็นประเด็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของอิตาลีต่อการดำรงอยู่ในสหภาพยุโรป(EU) ต่อไป เนื่องจากพรรค M5S มีนโยบายที่จะนำประเทศอิตาลีออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป และจากผลสำรวจล่าสุดความนิยมของพรรคคู่แข่งนั้นเริ่มมีคะแนนเสียงขึ้นมาใกล้เคียงกับรัฐบาล ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ขึ้นตลาดหุ้นยุโรปจะปรับตัวลงจากแรงขายในช่วงระยะสั้น และหลังจากที่ตลาดหุ้นรับรู้ข่าวแล้วนั้นในระยะถัดมาคาดว่าจะมีแรงซื้อของนักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นยุโรปอีกครั้ง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงขายในตราสารหนี้ และยังคงต้องติดตามความเสี่ยงของอิตาลีจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ ซึ่งหากอิตาลีออกจากสหภาพยุโรปจะทำให้มีแรงขายในพันธบัตรของประเทศอิตาลีกับประเทศในสหภาพยุโรปมากขึ้น โดยอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินยูโรจะมีแนวโน้มอ่อนค่าจากการไหลออกของเม็ดเงินลงทุนเช่นกัน ในกรณีนี้ผมมองว่าในทางปฏิบัติยังต้องผ่านกระบวนการอีกมาก โดยเฉพาะต้องเข้าสู่การทำประชามติในการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของประชาชนอิตาลี (ลักษณะจะคล้ายกับการทำประชามติออกจากสหภาพยุโรปของประเทศอังกฤษ) ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร

สำหรับคำแนะนำการลงทุนนั้น แม้ว่าระยะสั้นตลาดหุ้นยุโรปจะมีความผันผวน แต่หากพิจารณาพื้นฐานทางการลงทุนต่อตลาดการเงินยุโรปก็ยังมีปัจจัยบวกสนับสนุนตลาดหุ้นยุโรป เช่น ธนาคารกลางยุโรปยังมีแนวโน้มที่จะขยายเวลาการทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ (QE) ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องในตลาดการเงินยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้การสร้างรายได้ของยุโรปที่มาจากการส่งออกมีสัดส่วนประมาณ 50% ของจีดีพี ซึ่งหากค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงก็จะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นยุโรป ทำให้มีความน่าสนใจลงทุนของตลาดหุ้นยุโรปในระยะกลางถึงยาวยังมีอยู่ การย่อตัวลงของดัชนีหุ้นยุโรปจะเป็นโอกาสเข้าซื้อหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดีบางตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนที่ใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นรายตัวจะเป็นจังหวะสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานที่ดีเข้าพอร์ต กอปรกับปีหน้าผมมองว่าภาพการลงทุนในตลาดหุ้นพัฒนาแล้วจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งนี้ ควรกระจายการลงทุนบางส่วนเพื่อลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศยูโรโซนเพื่อป้องกันการเสียโอกาสด้วยเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น