อิตาลีระส่ำ! นายกฯ “มัตเตโอ เรนซี” ประกาศลาออก หลังพ่ายประชามติแก้รัฐธรรมนูญ

เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี แห่งอิตาลี ประกาศสละตำแหน่งวันนี้ (5 ธ.ค.) หลังข้อเสนอปฏิรูปรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลของเขาพยายามผลักดันพ่ายแพ้ประชามติอย่างหลุดลุ่ย

“การบริหารประเทศของผมสิ้นสุดแค่ตรงนี้” เรนซี แถลงต่อสื่อมวลชน โดยยอมรับว่าค่าย “โหวตโน” ได้ชัยชนะอย่าง “ขาวสะอาด” ในการทำประชามติที่เขาวางอนาคตของตนเองเป็นเดิมพัน

กระทรวงมหาดไทยอิตาลีคาดการณ์ว่า ค่าย “โหวตโน” ซึ่งมีพรรคขบวนการห้าดาวเป็นหัวหอกจะชนะด้วยสัดส่วนคะแนน 60 ต่อ 40 โดยมีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์สูงถึง 70%

ราคาหุ้นในตลาดเอเชียเช้าวันนี้ (5) ปรับตัวลดลง เช่นเดียวกับค่าเงินยูโร แต่ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่านักลงทุนจะตื่นตระหนกกับข่าวการลาออกของผู้นำอิตาลี

เรนซี เตรียมเดินทางเข้าพบประธานาธิบดีเซอร์จิโอ มัตตาเรลลา เพื่อยื่นหนังสือลาออก หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งสุดท้าย

หลังจากนี้ ประธานาธิบดีมัตตาเรลลาจะต้องไปเจรจากับกลุ่มขั้วการเมืองต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และหากไม่สามารถทำได้ ก็จะต้องประกาศเลือกตั้งก่อนกำหนด

เบปเป กริลโล ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรคขบวนการห้าดาว เรียกร้องให้ประธานาธิบดีประกาศจัดการเลือกตั้ง “ภายใน 1 สัปดาห์” โดยอ้างอิงกฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ (Italicum) ที่กำหนดเกณฑ์รับรองว่าพรรคการเมืองหลักจะได้ครองเสียงข้างมากในสภา และพรรคขบวนการห้าดาวก็หวังว่าจะอยู่ในสถานะดังกล่าวในการเลือกตั้งครั้งถัดไป

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าการเลือกตั้งก่อนกำหนดเป็นไปได้ยาก และสิ่งที่อาจเป็นไปได้มากกว่าก็คือ ตั้งรัฐบาลรักษาการที่พรรคประชาธิปไตยของ เรนซี ยังเป็นแกนนำบริหารประเทศต่อไปจนกว่าจะถึงกำหนดเลือกตั้งในฤดูใบไม้ผลิปี 2018

ปิเอร์ คาร์โด ปาโดอัน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอิตาลี ถูกคาดหมายว่าจะเป็นผู้กุมบังเหียนรัฐบาลต่อไป ในขณะที่ เรนซี อาจยังรั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยตามเดิม ซึ่งจะทำให้เขาอยู่ในสถานะที่มั่นคง และสามารถกลับมาลงเลือกตั้งได้อีกในอนาคต

พรรคฝ่ายค้านอิตาลีต่างออกมาประณามข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ใช้มานานถึง 68 ปีว่าเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย เพราะจะทำลายการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาล

พรรคขบวนการห้าดาวซึ่งเป็นแกนนำคัดค้านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญมีฐานเสียงแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายรัฐบาลเรนซี ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจซบเซา และปัญหาสังคมที่เกิดจากการรับคลื่นผู้อพยพหลายหมื่นคนเข้าประเทศ