สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับคอลัมน์ดีๆ ที่ช่วยแนะนำการวางแผนทางการเงินด้วยแนวคิด “วางแผนการเงิน..แค่คิดชีวิตก็เปลี่ยน” เมื่อพูดถึงเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ หลายๆ ท่านคงไม่อยากให้โรคร้ายเกิดขึ้นกับตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โรคมะเร็ง” แต่โรคมะเร็งนั้นคืออะไรและมีอาการอย่างไร ผมคงไม่ขอกล่าว ณ ที่นี้ แต่สำหรับวันนี้ผมจะขอกล่าวถึงวิธีการบริหารความเสี่ยงเพื่อรับมือกับเจ้าโรคร้ายนี้กันครับ
รู้หรือไม่ครับว่าถ้าป่วยเป็นโรคมะเร็งแล้วสิ่งแรกที่จะต้องเผชิญนั่นก็คือเรื่องของค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง โดยการป่วยเป็นโรคมะเร็งนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือค่าใช้จ่ายในการรักษา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น โรงพยาบาลที่เลือกใช้ในการรักษาก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่จะทำให้เราหายขาดจากโรคร้ายนี้ ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการรักษา วิธีการบำบัดรักษา ไม่ว่าจะด้วยวิธีการผ่าตัด การฉายแสง การให้ยาฮอร์โมนหรือการให้ยาเคมีบำบัด ถึงแม้โรคมะเร็งบางชนิดจะรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็ยังคงต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลและบำรุงรักษาสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ประกันภัยมะเร็งจึงมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาลงไปได้
ประกันภัยมะเร็งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างไร ประกันภัยมะเร็งเป็นการประกันภัยชนิดที่จ่ายเบ็ดเสร็จในครั้งเดียว เมื่อผู้เอาประกันภัยถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งไม่ว่าจะอยู่ในระยะใดก็ตามจะได้รับเงินชดเชยเต็มตามจำนวนทุนประกันภัยที่ได้เลือกซื้อไว้ โดยไม่มีข้อบังคับว่าผู้เอาประกันภัยจะต้องนำไปจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด การประกันภัยมะเร็งจึงให้ประโยชน์ได้มากกว่าประกันภัยค่ารักษาพยาบาลที่จะจ่ายเฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น
ในส่วนของวิธีการเลือกซื้อประกันภัยโรคมะเร็งนั้น แต่ละบริษัทประกันภัยจะมีความแตกต่างกันในการรับประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นทุนประกันภัยที่แตกต่างกันแล้วนั้น ยังมีเรื่องของเพศ อายุ ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับประกันภัยด้วย แต่อย่างไรก็ตามยังมีข้อควรพิจารณาอื่นๆ ที่สำคัญอีก 2 ข้อ ได้แก่
ข้อ 1 ความคุ้มครองในเรื่องของระยะการแพร่กระจายของโรคมะเร็ง เนื่องจากมะเร็งมีทั้งหมด 4 ระยะ จึงควรพิจารณาถึงความต้องการส่วนบุคคล เนื่องจากประกันภัยโรคมะเร็งมีให้เลือกโดยเริ่มตั้งแต่ระยะเริ่มต้น หรือเฉพาะระยะแพร่กระจาย
ข้อ 2 เบี้ยประกันภัย บางบริษัทกำหนดเป็นจำนวนเงินคงที่ โดยคำนวณจากอายุของผู้เอาประกันภัย ณ เวลาที่เริ่มทำประกันภัยโรคมะเร็งและจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดไป ในขณะที่บางบริษัทจะปรับเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นทุกๆ 5 ปีของช่วงอายุ เพราะเมื่อมีอายุมากขึ้นจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งมากขึ้น ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อประกันภัยโรคมะเร็งตั้งแต่อายุยังน้อย โดยอายุของผู้ทำประกัน การทำประกันโรคมะเร็งนั้นจะมีการกำหนดอายุของผู้ทำประกันเอาไว้ โดยแต่ละบริษัทก็มีการกำหนดอายุที่ไม่เหมือนกัน บางบริษัทกำหนดเอาไว้สูงสุดที่ 70 ปี แต่บางบริษัทก็กำหนดเอาไว้เพียงแค่ 65 ปีเท่านั้น เพราะฉะนั้นให้คุณสำรวจว่าอายุที่คุณสามารถทำได้นั้นเหมาะสมกับบริษัทประกันชีวิตแห่งไหน
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าคุณมีประกันโรคมะเร็งอยู่แล้ว แล้วอยากทำสัญญาหรือประกันตัวอื่นเพิ่มเติม เพราะประกันมะเร็งเพียงตัวเดียวไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้ในกรณีที่คุณเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งบางบริษัทนั้นมีการกำหนดเอาไว้ว่าลูกค้าจะทำสัญญาเพิ่มเติมได้หรือไม่ให้ท่านศึกษารายละเอียดก่อน หรืออาจจะสอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะทำประกันก็ได้ครับ
สุดท้ายนี้ผมขอฝากไว้กับคำกล่าวสุดคลาสสิกที่ว่า “การไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐ” การดูแลเอาใจใส่ร่างกายให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายจนเป็นนิสัย หรือทำกิจกรรมเป็นประโยชน์ที่เราชอบ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เราต่อสู้กับความเครียดได้แล้วยังจะทำให้เราห่างไกลจากโรคร้ายนี้ได้อีกด้วย และสำหรับท่านที่เผชิญกับเจ้าโรคร้ายนี้อยู่ก็ขอให้ท่านมีความหวังอยู่เสมอ สิ่งสำคัญในการมีชีวิตอยู่คือความหวัง ความหวังเป็นพลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคทุกสิ่งอย่างไม่เว้นแม้แต่โรคร้าย ความหวังจะช่วยให้มีแรงบันดาลใจ มีพลัง มีความหมาย มองโลกในแง่ดี การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โรคมะเร็งก็เป็นเหมือนอุปสรรคท้าทายความแข็งแกร่งของชีวิต ดังนั้นจงมีความหวังอยู่เสมอ หากความหวังนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาหรือผลเสีย และอย่าลืมหาใครสักคนมาช่วยร่วมเยียวยา หรือช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิดกับเราหรือคนที่เรารัก แล้วกลับมาพบกับสาระความรู้ดีๆ ได้ใหม่ในครั้งหน้า สำหรับวันนี้สวัสดีครับ