โดย คุณมณฑล จุนชยะ
ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.วรรณ
monthol.j@one-asset.com
จากตัวเลขเศรษฐกิจจีนในเดือน เม.ย. 59 ที่ประกาศออกมาคงทำให้นักลงทุนหลายท่านมีความสับสนกับแนวทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนว่าจะยังมีการฟื้นตัวแบบชัดเจนหรือไม่ หลังจากที่ตัวเลขในเดือน มี.ค. 59 มีการเติบโตอย่างโดดเด่นจนทำให้ตลาดและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าจีนเริ่มกลับมาฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว
สำหรับผมมองว่าตัวเลขเศรษฐกิจจีนในเดือน เม.ย. 59 ที่ออกมาแม้ว่าจะชะลอตัวลง ซึ่งสะท้อนจาก
1. ตัวเลขการส่งออกและนำเข้าที่พลิกกลับมาหดตัวลงหลังจากที่ขยายตัวกว่า 11.5% ในเดือน มี.ค. 59
2. ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัว 6.0% ลดลงจากเดือน มี.ค. 59 ที่ขยายตัว 6.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน
3. ตัวเลขยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจจีนจะพลิกกลับมาชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจนทำให้กลับเข้าสู่ความกังวลในระดับเดิม
โดยผมมองว่าเศรษฐกิจจีนได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ตัวเลขดังกล่าวอาจเป็นผลมาจากวันหยุดทำการของประเทศคู่ค้าที่ค่อนข้างมากทั้งไทย ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และญี่ปุ่น ซึ่งทำให้การสั่งซื้อสินค้าอาจชะลอตัวลง รวมทั้งหากมองในภาพทั้งหมดแล้วยังมองว่าเศรษฐกิจจีนก็ยังสามารถรักษาระดับการเติบโตได้
ทั้งนี้ ผมก็เริ่มเห็นสัญญาณการขยับของปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากที่พึ่งพิงต่างประเทศมาที่ภายในประเทศมากขึ้น โดยมาจากตัวเลขสำคัญที่เพิ่งประกาศออกมาเมื่อเช้าที่ระบุว่าตัวเลขการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของไตรมาสที่ 1/59 มีสัดส่วนกว่า 84.7% ของการขยายตัวของ GDP ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามแผนการที่ทางการจีนได้วางไว้ รวมทั้งตัวเลขตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นแม้จะยังจำกัดอยู่ในเฉพาะหัวเมืองใหญ่ก็ตาม ซึ่งก็ยังนับได้ว่าเป็นพัฒนาการของเศรษฐกิจจีนบ้างครับ
สำหรับภาพของการลงทุนของตลาดหุ้นจีนก็สอดคล้องไปกับภาพรวมเศรษฐกิจครับ โดยมองว่าตลาดหุ้นจีนได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้วและเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา แม้จะย่อตัวบ้างในบางจังหวะจากปัจจัยกดดันเฉพาะบางเหตุการณ์ เช่น การเพิ่มค่าธรรมเนียมในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อควบคุมการเก็งกำไร เป็นต้น
แต่หากเศรษฐกิจยังคงรักษาระดับการทรงตัวได้ และทางการยังคงมุ่งเน้นการอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของปริมาณที่เข้าระบบและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตามที่เคยได้เดินหน้าไว้ ประกอบกับมูลค่าหุ้นจีนที่ปรับลดลงมาค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมาก็น่าจะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นจีนเพิ่มเติมเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี อย่าลืมนะครับ ด้วยเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่เติบโตแบบเสถียรภาพมากนักและตลาดหุ้นจีนเองก็มีความผันผวนด้วยตัวเอง ทำให้ผมมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นจีนปัจจุบันก็ยังคงต้องเป็นลักษณะของการลงทุนแบบ “ระมัดระวัง” และรอดูจังหวะการลงทุนอย่างใกล้ชิด และทำกำไรหากตลาดหุ้นมีการปรับเพิ่มขึ้นบ้างเพื่อให้สร้างผลตอบแทนได้เหมาะสมที่สุดในช่วงสถานการณ์การลงทุนในลักษณะนี้ครับ
•“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน”