xs
xsm
sm
md
lg

เงินลงทุนต่างชาติเข้าหุ้นไทย คาดกลุ่ม BIG Cap ได้อานิสงส์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.ธนชาตประเมินเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทย คาดกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่จะได้อานิสงส์ ล่าสุดตั้งเป้า AUM ปีนี้เติบโต 2 แสนล้าน ชูกองทุนหุ้นจะช่วยดันสินทรัพย์ให้โตตามเป้า

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ธนชาต จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงปีนี้ ฝ่ายลงทุนของบริษัทให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่างๆ รับอานิสงส์แผนกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล และกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่รับอานิสงส์เงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าในขณะนี้ เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวส่วนใหญ่จะไหลกลับเข้ามายังกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ (BIG Cap) เป็นหลัก ส่วนนักลงทุนทั่วไปสามารถใช้หลักการลงทุนเช่นเดียวกับ บลจ.ธนชาต เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

ทั้งนี้ บริษัทคงเป้าหมายผลักดันสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร หรือ AUM ปีนี้ให้เติบโตแตะที่ระดับ 200,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน AUM อยู่ที่ระดับ 170,000 ล้านบาท เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท ทั้งนี้ มองว่าตลาดทุนไทยยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การเพิ่มสินทรัพย์ดังกล่าวเติบโตตามเป้าหมายค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตาม บริษัทพยายามทำให้ดีที่สุดตามที่วางแผนไว้

สำหรับกองทุนที่จะช่วยหนุนให้ AUM เติบโตได้ตามเป้าหมายนั้นยังคงเป็นกองทุนรวมหุ้นเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่ากองทุนรวมหุ้นในปีนี้ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดยังคงอยู่ในระดับต่ำ การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นยังคงให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนดีที่สุด เมื่อเทียบกับผลตอบแทนอย่างเงินฝากธนาคารหรือตราสารหนี้ที่ให้อัตราดอกเบี้ยไม่สูงนัก

อย่างไรก็ตาม ภาพตลาดทุนไทยในปีนี้ยังคงมีความผันผวนอยู่มาก การเพิ่ม AUM ในปีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายต้องมีปัจจัยบวกหลายอย่างเข้ามาช่วยหนุน ไม่ว่าจะเป็นโครงการจากรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยลบต่างประเทศก็ยังคงมีอยู่ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยจากที่เคยส่งสัญญาณไว้ 4 ครั้งเหลือ 2 ครั้งก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หยุดความผันผวนที่เกิดขึ้น

ส่วนทิศทางการลงทุนปีนี้ การลงทุนในหุ้นยังคงให้ผลตอบแทนดีสุดเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 3-4% เท่านั้น ดังนั้น กองทุนหุ้นของบริษัทจึงเป็นพระเอกหลักในการผลักดัน AUM ให้โตตามเป้าหมาย

สำหรับสัดส่วนกองทุนในปัจจุบัน แบ่งเป็น กองทุนรวมเติบโต 85% คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 150,000 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) เติบโต 7% คิดเป็นเม็ดเงินลงทุน 13,000 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) เติบโต 8% คิดเป็นเม็ดเงินลงทุน 7,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่ากองทุนรวมยังคงเติบโตขึ้นจากช่วงปีที่ผ่านมา และกองทุนหุ้นจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ


กำลังโหลดความคิดเห็น