xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.แอสเซท พลัสชี้ ศก.ยุโรปเติบโตดีรับปัจจัยบวกจาก QE แนะตลาดอสังหาฯ ยุโรปน่าลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แอสเซท พลัส มองตลาดอสังหาฯ ยุโรปน่าสนใจ ปัจจัยพื้นฐานที่ดี ชู “ASP-EUPROP” ให้ผลตอบแทนสูงและสม่ำเสมอ มองยุโรปยังได้ปัจจัยบวกจากการทำ QE ที่เน้นให้เศรษฐกิจเติบโต

นายซามูเอล ฮุย ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดกองทุนรวม AXA Funds Management SA กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยุโรปยังมีแนวโน้มในการเติบโตที่น่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐอเมริกาและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากยุโรปกำลังอยู่ในวัฏจักรขาขึ้น โดยบริษัทคาดการณ์โอกาสรับผลตอบแทนจากอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่ม Prime Property ของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคยุโรปในปี 2559-2561 ที่ 7-10% ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรอาจให้โอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่า 10%

นายรัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพื่อกระจายความเสี่ยงในสภาวะตลาดผันผวน และมองว่าอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคยุโรปยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยออกกองทุนเปิดแอสเซทพลัสยุโรปพร็อพเพอร์ตี้ (ASP-EUPROP) โดยมองว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้ผลตอบแทนที่ดีคงที่ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ให้เช่า ซึ่งในยุโรปเป็นตลาดที่ใหญ่และมีสภาพคล่องสูง เป็นตลาดที่เกิดขึ้นมานานจึงมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี

สำหรับกองทุนกองทุนเปิดแอสเซทพลัสยุโรปพร็อพเพอร์ตี้ (ASP-EUPROP) จะลงทุนในหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนมือได้ ซึ่งรวมถึงหุ้นและ REITS ที่ออกโดยบริษัทที่มีธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนหรือมีธุรกิจในภูมิภาคยุโรป ปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 100% แต่กองทุนสามารถเลือกลงทุนในภูมิภาคอื่นได้ไม่เกิน 30% กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

นายรัชต์ ยังกล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจโลกว่า ความผันผวนในสินทรัพย์ต่างๆ ในตอนนี้อยู่ในระดับต่ำ ตลาดไม่มีความเสี่ยงเมื่อเทียบกับในช่วงปี 2008 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ น่าจะมีการปรับขึ้นอีก 1-2 ครั้งในปีนี้ ส่วนยุโรปการทำ QE ของยุโรปล่าสุดนี้เป็นการอัดฉีดเงินเข้าไปซื้อของบริษัทจดทะเบียนทำให้บริษัทต่างๆ มีสภาพคล่องมากขึ้น รวมไปถึงสถาบันการเงินที่จะมีความสามารถในการปล่อยกู้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจที่แท้จริงมากกว่าในครั้งที่ผ่านมาที่เข้าไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงและทำให้เงินไม่ถูกนำไปใช้ได้ถูดจุด ขณะเดียวกัน มองว่าธนาคารกลางยุโรปสามารถทำ QE ได้อีกแต่ก็ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ให้ได้ผล

ขณะที่ราคาน้ำมันในปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 30-50 เหรียญ แต่ในปีหน้าถ้าเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวชัดเจนรวมทั้งจีนกลับมาบริโภคน้ำมันมากขึ้นน่าจะทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงกว่า 50 เหรียญได้ แต่ก็อาจจะมีปัจจัยที่ยังทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงมาได้อยู่

“โดยรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตได้ในระดับคงที่ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปหากความเสี่ยงในระบบการเงินของธนาคารลดลงก็มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะดีขึ้น ส่วนจีนนั้นควรเลือกลงทุนในธุรกิจประเภทเทคโนโลยี ไอที ที่เป็นธีมการลงทุนในธุรกิจใหม่ ส่วนหุ้นไทยตอนนี้มีเงินไหลเข้ามาจากต่างประเทศทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานของไทยยังไม่ดีนัก และคาดว่า กนง.ยังไม่น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงไปอีก”


กำลังโหลดความคิดเห็น