เอ็ม เอส ไอ จี เผยผลประกอบการปี 58 เติบโต 5.2% มีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 3,800 ล้านบาท กำไร 190 ล้านบาท วางเป้าปี 59 เบี้ยประกันภัยโต 4,200 ล้านบาท ยังเน้นรุกประกันรายบุคคลและประกันภัยการเดินทาง พร้อมขยายบริการด้านรถยนต์
นายรัฐพล กิติศักดิ์ไชยกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ( MSIG) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำปี 2558 ว่า เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 3,817 ล้านบาท คิดเป็น 5.2% เมื่อเทียบกับปี 2557 โดยแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 2,374 ล้านบาท ประกันอัคคีภัย 503 ล้านบาท
ทางด้านประกันภัยขนส่งสินค้าทางทะเล 460 ล้านบาท ประกันภัยอุบัติเหตุและอื่นๆ 325 ล้านบาท ประกันภัยสุขภาพ 99 ล้านบาท และประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก 56 ล้านบาท ซึ่งในปี 2558 โดยรวมมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากประกันภัยรถยนต์ ซึ่งเติบโต 11% ประกันภัยสุขภาพ 16% และประกันอุบัติเหตุและอื่นๆ 10% ในขณะที่ประกันภัยประเภทอื่นลดลงเล็กน้อย
ทั้งนี้ บริษัทสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดประกันวินาศภัยซึ่งโตราว 1.86% โดยช่องทางตัวแทนที่มีการเติบโตในส่วนของเบี้ยประกันภัย 15% และ Bancassurance 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้
“ในปี 2015 บริษัทมีกำไร 184.8 ล้านบาท กำไรจากการลงทุน 74.1 ล้านบาท และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 190 ล้านบาทหลังหักภาษี นอกจากนี้ เอ็ม เอส ไอ จี ยังมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ที่ 418%”
สำหรับแผนงานปี 2559 เอ็ม เอส ไอ จี ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปี 2559 อยู่ที่ 4,200 ล้านบาท โดยยังคงรุกงานธุรกิจรายบุคคลต่อไป โดยเฉพาะประกันภัยการเดินทาง ซึ่งปีที่แล้วเติบโตถึง 93% และปีนี้ตั้งเป้าเติบโตเกิน 100% รวมถึงประกันภัยรถยนต์ที่ตั้งเป้าโต 2,600 ล้านบาท คิดเป็น 10%
ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญต่อธุรกิจดิจิตอลอย่างต่อเนื่องและมีแผนที่จะช่วยคู่ค้าทางธุรกิจทุกช่องทางพัฒนา Microsite ให้เป็นเว็บไซต์ของคู่ค้าเอง ซึ่งสามารถขายผลิตภัณฑ์ของเอ็ม เอส ไอ จี ออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง รวมถึงยังคงรุกเพิ่มในส่วนงานของกิจการสาขา
นอกจากนี้ ปี 2559 มีแผนบริการสำรวจอุบัติเหตุรถยนต์โดยใช้พนักงานของบริษัทเอง หรือ MSIG In-House Surveyor นอกจากนี้ยังมีแผนขยายพื้นที่บริการของอู่ซ่อม (My Garage) ที่คัดสรรอู่มาตรฐานในเครือให้มีมาตรฐานการซ่อมที่เทียบเท่ากับการซ่อมในศูนย์บริการ
ส่วนงานบริการเพื่อรองรับ AEC ขณะนี้ได้ขยายความคุ้มครองไปถึงประเทศลาว รวมไปถึงประเทศ พม่า มาเลเซีย กัมพูชา ที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งกำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่
นายรัฐพล กิติศักดิ์ไชยกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ( MSIG) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำปี 2558 ว่า เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 3,817 ล้านบาท คิดเป็น 5.2% เมื่อเทียบกับปี 2557 โดยแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 2,374 ล้านบาท ประกันอัคคีภัย 503 ล้านบาท
ทางด้านประกันภัยขนส่งสินค้าทางทะเล 460 ล้านบาท ประกันภัยอุบัติเหตุและอื่นๆ 325 ล้านบาท ประกันภัยสุขภาพ 99 ล้านบาท และประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก 56 ล้านบาท ซึ่งในปี 2558 โดยรวมมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากประกันภัยรถยนต์ ซึ่งเติบโต 11% ประกันภัยสุขภาพ 16% และประกันอุบัติเหตุและอื่นๆ 10% ในขณะที่ประกันภัยประเภทอื่นลดลงเล็กน้อย
ทั้งนี้ บริษัทสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดประกันวินาศภัยซึ่งโตราว 1.86% โดยช่องทางตัวแทนที่มีการเติบโตในส่วนของเบี้ยประกันภัย 15% และ Bancassurance 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้
“ในปี 2015 บริษัทมีกำไร 184.8 ล้านบาท กำไรจากการลงทุน 74.1 ล้านบาท และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 190 ล้านบาทหลังหักภาษี นอกจากนี้ เอ็ม เอส ไอ จี ยังมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ที่ 418%”
สำหรับแผนงานปี 2559 เอ็ม เอส ไอ จี ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปี 2559 อยู่ที่ 4,200 ล้านบาท โดยยังคงรุกงานธุรกิจรายบุคคลต่อไป โดยเฉพาะประกันภัยการเดินทาง ซึ่งปีที่แล้วเติบโตถึง 93% และปีนี้ตั้งเป้าเติบโตเกิน 100% รวมถึงประกันภัยรถยนต์ที่ตั้งเป้าโต 2,600 ล้านบาท คิดเป็น 10%
ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญต่อธุรกิจดิจิตอลอย่างต่อเนื่องและมีแผนที่จะช่วยคู่ค้าทางธุรกิจทุกช่องทางพัฒนา Microsite ให้เป็นเว็บไซต์ของคู่ค้าเอง ซึ่งสามารถขายผลิตภัณฑ์ของเอ็ม เอส ไอ จี ออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง รวมถึงยังคงรุกเพิ่มในส่วนงานของกิจการสาขา
นอกจากนี้ ปี 2559 มีแผนบริการสำรวจอุบัติเหตุรถยนต์โดยใช้พนักงานของบริษัทเอง หรือ MSIG In-House Surveyor นอกจากนี้ยังมีแผนขยายพื้นที่บริการของอู่ซ่อม (My Garage) ที่คัดสรรอู่มาตรฐานในเครือให้มีมาตรฐานการซ่อมที่เทียบเท่ากับการซ่อมในศูนย์บริการ
ส่วนงานบริการเพื่อรองรับ AEC ขณะนี้ได้ขยายความคุ้มครองไปถึงประเทศลาว รวมไปถึงประเทศ พม่า มาเลเซีย กัมพูชา ที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งกำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่