บลจ.กสิกรไทยเดินหน้าจ่ายปันผลกองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ ที่ 10.00 บาทต่อหน่วยลงทุน พร้อมโชว์ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง นักลงทุนเฮรับเงินปันผล 14 ธันวาคม 2558 นี้
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ (ABFTH) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2557 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 โดยจ่ายเงินปันผลในอัตรา 10.00 บาทต่อหน่วย มูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวม 49.06 ล้านบาท โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนเวลา 08.00 น. ของวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 14 ธันวาคม 2558
สำหรับกองทุน ABFTH เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นภายใต้โครงการกองทุนพันธบัตรเอเชียระยะที่ 2 หรือ Asian Bond Fund 2-ABF2 ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของธนาคารกลางชาติต่างๆ ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจำนวน 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย เพื่อให้เกิดการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักลงทุน ตลอดทั้งผู้ออกตราสารในตลาดตราสารหนี้ของประเทศสมาชิก และนับเป็นกองทุน ETF กองทุนแรกของไทยที่มีการลงทุนโดยอ้างอิงกับดัชนีตราสารหนี้ภาครัฐ โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลไทย หรือออกโดยภาครัฐที่มีรัฐบาลไทยเป็นผู้ค้ำประกัน หรือได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือไม่ต่ำกว่าระดับ Investment Grade จากสถาบันจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุน ABFTH ในรอบปีที่ผ่านมานับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ธ.ค. 2557-30 พ.ย. 2558) กองทุนดังกล่าวจ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้นในอัตรา 30 บาทต่อหน่วย หรือสามารถคิดเป็นอัตราเงินปันผลเฉลี่ยต่อปี (Dividend Yield) อยู่ที่ 2.53% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถรักษามาตรฐานในการบริหารกองทุนให้มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ดีใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง และมีการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอมาตลอดระยะเวลากว่า 9 ปี นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนจะมีความผันผวนอยู่ตลอดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2558 ที่ผ่านมาสถานการณ์การลงทุนยังคงได้รับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งจากการเผชิญกับแรงกดดันของสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ยังมีการฟื้นตัวที่ล่าช้า ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1.50% ต่อปีเพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเผชิญกับปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลกในภาพรวมที่ยังคงชะลอตัว ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกยังมีการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงกรณีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลทำให้เกิดความผันผวนทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ ปัจจัยที่กล่าวมาจึงส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรและตราสารหนี้ให้เกิดความผันผวนในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ด้วยจุดเด่นของกองทุน ABFTH ที่มุ่งเน้นลงทุนในพันธบัตรที่มีความมั่นคงสูง และมีผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ทำให้กองทุนยังรักษาผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2549 กองทุน ABFTH มีการจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 20 ครั้ง รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 373.36 บาทต่อหน่วย
นายชัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทยยังคงเปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้แบบมีอายุโครงการเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ โดยในระหว่างวันที่ 8-14 ธันวาคม 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอ็น (KFF6MBN) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.85% ต่อปี โดยในเบื้องต้นจะลงทุนในเงินฝาก Union National Bank, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, ตราสารหนี้ Agricultural Bank of China, ตราสารหนี้ China Construction Bank Corporation และตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ฮ่องกง โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท