บัวหลวง Money Tips
โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
CEO กองทุนบัวหลวง
ก่อนจะบอกว่า Theme การลงทุนปี 2559 คืออะไร อยากอธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า นโยบายการลงทุนกับสไตล์การลงทุนของเราเป็นอย่างไร แล้วถึงจะไปเรื่อง Theme ในปีหน้า
นโยบายการลงทุน เป็นพื้นฐานหลักหรือแนวทางที่จะใช้ในการบริหารกองทุน ซึ่งเรากำหนดกันว่าในการลงทุนให้กองทุนนั้นเรามุ่งเน้นน้ำหนักหลักไปที่กิจการที่มีปันผล มีบรรษัทภิบาลที่ดี (CG) เป็นกิจการที่ให้ความสำคัญเรื่อง ESG และในกองทุนรวมบางกองเราก็กำหนดนโยบายให้เป็นกองทุนที่ลงทุนเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม หรือที่เรียกว่าเป็น Sector Fund เป็นต้น ถ้าจะให้เข้าสมัยก็อาจบอกว่า นโยบายการลงทุนคือโครงสร้างพื้นฐานของการบริหารกองทุน
หากจะเปรียบนโยบายการลงทุนกับการเปิดร้านเสื้อผ้า นโยบายร้านหนึ่งอาจไปเน้นที่การใช้ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ลินิน ผ้าใยธรรมชาติ และเป็นผ้าทอคุณภาพ เป็นต้น ในขณะที่นโยบายร้านอื่นอาจเน้นไปที่ผ้าลูกไม้ ผ้าออร์แกนซา นำเข้าจากสวิส อิตาลี และฝรั่งเศส
สไตล์การลงทุน คือความถนัดในการบริหารกองทุน เรียกว่าวงสวิงที่ชำนาญของแต่ละค่ายก็ได้ ถ้าเทียบกับร้านเสื้อผ้าเหมือนเดิมก็อาจบอกว่า ร้านแรกมีสไตล์ออกแบบตัดเย็บที่เรียบง่ายไม่ติดอะไรฟู่ฟ่า เน้น Cutting เพื่อโชว์ความงามของเนื้อผ้าไหมในรูปแบบดีไซน์ที่เรียบโก้ ในขณะที่อีกร้านหนึ่งเขาชำนาญเรื่องใช้ลูกไม้กรุยกรายหรูหราบนเนื้อผ้าออร์แกนซาได้งดงาม
ซึ่งสไตล์การลงทุนของค่ายกองทุนบัวหลวงคือ เราเป็นค่ายที่เน้น Value กับ Long-Term Investing
Theme การลงทุนคือการที่เราแสวงหา Trends ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันมีผลอย่างมีนัยสำคัญของการลงทุนในวันนี้เพื่อไปรองรับอนาคตเมื่อ Trend นั้นมีผล เมื่อเทียบกับร้านเสื้อผ้าแล้วจะอธิบายได้ง่ายขึ้น ซึ่งต้องอธิบายความต่างของคำว่า Fad กับ Fashion ก่อน
Fad คือความนิยมที่มาแรง มาไว แต่ก็ไปไวด้วย ในขณะที่ Fashion คือสิ่งที่จะอยู่กับเราไปได้นาน
ตัวอย่างของ Fad ก็คือ การเอาน้ำใส่น้ำแข็งมาเทราดหัวแล้วท้าทายทำนั่นทำนี่กัน หรือการทำ Planking แล้วเอามาโชว์กันใน Social Media
ของเหล่านี้มาแรง ฮือฮา มาไว แล้วก็ไปไวมาก หากเรามี Theme การลงทุนที่เป็น Fad เราก็ต้องซื้อขาย วิ่งเข้าวิ่งออกในระยะสั้น มันจะไม่มีผลดีต่อพอร์ตกองทุน แต่โบรกเกอร์จะชอบเพราะได้ค่าคอมมิชชันเยอะจากการซื้อๆ ขายๆ
Theme การลงทุนที่ดีควรเป็นทิศทางที่จะมีผลระยะยาวต่อพอร์ตลงทุน เป็นเรื่องของ Megatrends ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น มาแรง มาแน่ และจะส่งผลต่อการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ แต่ต้องจำไว้ว่า Theme ปีนี้มักไม่ค่อยส่งผลทันทีในปีนี้ เพราะส่วนใหญ่ต้องใช้เวลา 2-3 ปีขึ้นไปถึงจะเริ่มเห็นผล
ก็ถ้ารีๆ รอๆ หรือมองไม่เห็น จนต้องกระโดดเข้าไปลงทุนในตอนที่มันฮอตฮิตติดลมบนไปแล้ว เราก็ต้องซื้อแพงน่ะสิ
การที่เราประกาศ Theme การลงทุนออกไปก่อนนั้นเราตั้งใจให้ผู้ลงทุนได้รู้ว่าเรามองเห็นอนาคตเป็นอย่างไร หากเขาเข้าใจและเห็นด้วย รวมทั้งชอบนโยบายลงทุนกับสไตล์หรือวงสวิงของเรา เขาก็เหมาะที่จะเดินทางไปกับเราได้ตลอดเส้นทางลงทุน
เมื่อเทียบเรื่อง Theme กับตัวอย่างเดิมคือร้านเสื้อผ้า จะพบว่าในวงการแฟชั่นเขามี Trend ประจำปี เช่น เป็นเรื่องของสี เรื่องของรูปแบบ ฯลฯ ซึ่งแต่ละค่ายเขาก็จะมี Theme สำหรับ 4 ฤดูกาลของปีนั้นๆ ที่อาจจะต่างกันหรือคล้ายกันก็ได้ เช่น ร้านแรกเลือกสไตล์วินเทจ ส่วนอีกร้านใช้ Theme กางเกงขาเดียว อีกขาปล่อยโล่ง ในขณะที่ร้านอื่นเขาอาจจะมี Theme ที่เน้นความเป็นตะวันออก เป็นต้น
ความจริงก็นึกอยู่หลายปีแล้วว่าจะทำให้คนเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร เพราะดูคนจะงงๆ กับคำว่า นโยบายลงทุน สไตล์ลงทุน กับ Theme การลงทุนกันมาก พอดีวันนี้ไปเปิดทีวีเจอช่องแฟชั่น ก็เลยเกิดอาการยูเรก้าขึ้นมา แต่ Theme การลงทุนที่ดีจะต้องเป็นเรื่องที่คงอยู่ได้นานหลายๆ ปี ไม่ใช่มาไว ไปไว และจะยิ่งดีเลิศถ้ามันเป็นอมตะอย่างรูปแบบหลักๆ ของกระเป๋า Chanel
ก็หวังว่าคงจะพอทำให้ท่านผู้อ่านมีความเข้าใจมากขึ้น ความจริงเรื่องแบบนี้จะเทียบกับร้านอาหารก็ได้ แต่กลัวเขียนไปหิวไป มันจะไม่ค่อยดี