นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิปให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นยุโรปและจีน เชื่อจุดต่ำสุดผ่านไปแล้ว แนะนักลงทุนเล่นยาวสะสมเข้าพอร์ต
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล นักวิเคราะห์กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดว่า ด้วยเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 1.9% ซึ่งใกล้เคียงเป้าหมายที่ 2% เราคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าดีขึ้น ในขณะที่เงินเฟ้อก็ไม่น่ากังวล แต่ประเด็นสำคัญที่เฟดยังให้น้ำหนักในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในแต่ละครั้งนั้นก็คือความกังวลที่มีต่อเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ในส่วนของนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และสามารถลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวได้ เราอยากให้นักลงทุนกระจายพอร์ตการลงทุนโดยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีน และหุ้นยุโรป โดยเรามองว่าเป็นจังหวะที่ดีที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้นจีน การปรับตัวลดลงของหุ้นจีนเริ่มมีน้อยลง ในขณะที่ความกังวลที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขเศรษฐกิจก็มีลดลง โดยตัวเลข GDP จีนที่ออกมา 6.9% ดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ซึ่งจีนเองมีการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจพึ่งพิงตัวเองมากขึ้น เช่น การบริโภคภายในประเทศ และไม่ได้พึงพิงภาคการส่งออกเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องของเงินหยวนก็เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในตลาดโลก ขณะเดียวกันเรื่องของการเชื่อมโยงของดัชนีฮั่งเส็งและดัชนีเซี่ยงไฮ้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าจะจับตามอง โดยเรามองว่า Upside ในตลาดหุ้นจีนมีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จึงอยากแนะนำให้ลงทุนในตลาดหุ้นหรือกองทุนที่ลงทุนในฮั่งเส็ง
สำหรับภาพรวมของตลาดยุโรปนั้นเราประเมินว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรปที่เริ่มทยอยออกมานำโดยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคสอดคล้องกับตัวเลขมหภาคที่ชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป นอกจากนี้ ประเทศกลุ่ม PIIGS (โปรตุเกส ไอร์แลนด์ อิตาลี กรีซ และสเปน) เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เรายังคงแนะนำลงทุนในตลาดยุโรปได้ทั้งระยะสั้น และระยะยาว
นายสานุพงศ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมี บล.ฟิลลิปมีบัญชีลูกค้ากองทุนรวมผ่าน Fund SuperMart ประมาณ 8,500 บัญชี มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 11,000 ล้านบาท โดยเราตั้งเป้าการเติบโตสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 12,000 ล้านบาท