xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.แก้กฎเกณฑ์การลงทุน บลจ.ลงทุนต่างประเทศได้เสรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ก.ล.ต.เตรียมแก้กฎให้กองทุนรวมลงทุนต่างประเทศได้เสรี ลงทุนสินทรัพย์หลากหลาย ทั้ง Hedge Fund, อนุพันธ์ คาดประกาศใช้ได้ในปีนี้

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เพื่อรองรับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเปิดให้นักลงทุนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศได้อย่างเสรีในอนาคตอันใกล้นั้น ทางสำนักงาน ก.ล.ต.เตรียมจะเสนอบอร์ดเพื่อขอความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ วิธีการ และวิธีการกำกับดูแล ตลอดจนกระบวนคิดที่เกี่ยวข้องกับกองทุนที่มีการป้องกันความเสี่ยง (Hedge Fund)

โดยคาดว่าหากกระบวนการเดินหน้าได้เร็วน่าจะออกเป็นประกาศ ก.ล.ต.ได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปีหน้า ซึ่งจะเป็นการเปิดพรมแดนของการลงทุนออกจากขอบเขตการลงทุนแบบเดิมๆ เพื่อให้นักลงทุนไทยมีโอกาสได้เรียนรู้และรู้จักกับโปรดักต์การลงทุนที่มีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเหมือนที่ในต่างประเทศมีให้ลงทุนกัน

ทั้งนี้ หากนักลงทุนไทยได้ไปลงทุนในต่างประเทศนั้น โปรดักต์การลงทุนจะมีความหลากหลายมากกว่าในปัจจุบันมากเพื่อให้นักลงทุนและ บลจ.ได้มีโอกาสเรียนรู้โปรดักต์ที่ไม่เคยมีและมีความสลับซับซ้อนเช่นนี้ บลจ.จะมีการกำกับดูแลอย่างไร จะสื่อสารให้นักลงทุนเข้าใจได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นกองทุนเฮดจ์ฟันด์คงเปิดให้กลุ่มนักลงทุนที่เป็นระดับบนขั้นสูง (Ultra High Net Worth) ลงทุนเท่านั้น โดยอ้างอิงจากเกณฑ์ของต่างประเทศ ซึ่งเบื้องต้นอาจเป็นกลุ่มที่มีรายได้ 7 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีสินทรัพย์ 70 ล้านบาท หรือมีพอร์ตลงทุน 20 ล้านบาท อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่คงต้องคุยกับทาง บลจ.ด้วยอีกทางหนึ่งก่อนจะได้เป็นข้อสรุปออกมา

น.ส.จอมขวัญ คงสกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายและพัฒนาธุรกิจจัดการลงทุน สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่า ทางสำนักงาน ก.ล.ต.กำลังจะแก้ไขประกาศเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การลงทุนของกองทุนรวมสำหรับนักลงทุนทั่วไปเพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการลงทุนมากขึ้นและมีหลักการที่เป็นสากลมากขึ้น เพื่อในอนาคตนักลงทุนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศกฎเกณฑ์ของกองทุนรวมเพื่อนักลงทุนทั่วไปที่ใช้กันในต่างประเทศก็จะคล้ายกัน หรือกองทุนต่างประเทศที่จะมาขายในไทยก็เช่นกัน เป็นการทำให้นักลงทุนรายย่อยได้มีโอกาสในการเรียนรู้

โดยในส่วนที่แก้ไขหลักๆ จะเป็นเกณฑ์การลงทุนในตราสารหนี้ที่ต่ำกว่าระดับลงทุนได้ (Non-Investment Grade) จากเดิมจำกัดการลงทุนไว้ไม่เกิน 15% ของมูลค่าสินทรัพย์กองทุน โดยจะแก้ไขให้ลงทุนได้ไม่จำกัด แต่จะไปจำกัดตราสารประเภทไฮยิลด์ของแต่ละบริษัทจะลงทุนได้ไม่เกิน 5% แทน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุนมากขึ้น

นอกจากนี้ยังแก้ไขเกณฑ์ของกองทุนรวมที่ขายให้นักลงทุนทั่วไปที่ลงทุนในตราสารอนุพันธ์โดยเพิ่มหลักเกณฑ์ในการควบคุมเพิ่มขึ้น โดยจะใช้เกณฑ์การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ได้ไม่เกินสินทรัพย์สุทธิของกองทุนก็ได้ หรือจะเลือกใช้เกณฑ์การจำกัดความเสี่ยง (VAR Approach) ก็ได้ คือ จำกัดผลขาดทุนไว้ไม่เกิน 20% หรือขาดทุนได้ไม่เกิน 2 เท่าของดัชนีเทียบวัด เช่น ดัชนีเทียบวัดเป็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ถ้าตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลง x% กองทุนก็จะขาดทุนได้ไม่เกิน 2 เท่า เป็นต้น ซึ่งเป็นแนวทางที่ใช้กันในระดับสากล ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้การลงทุนมากขึ้น

“แนวทางเหล่านี้น่าจะประกาศใช้ได้ทันภายในปีนี้ และคงให้เวลา บลจ.เตรียมตัว โดยจะมีผลหลังจากประกาศบังคับใช้แล้ว 1 ปี แต่ บลจ.ไหนจะทำก่อนก็ได้ไม่มีปัญหาอะไร แนวทางของสำนักงาน ก.ล.ต.คงเน้นในเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลให้แก่นักลงทุนให้ครบถ้วน ชัดเจน โดยนักลงทุนจะต้องเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเข้าไปลงทุนด้วยเช่นกัน”


กำลังโหลดความคิดเห็น