คอลัมน์รวยด้วยรัก...รวยด้วยหุ้น … โดย มนตรี ศรไพศาล
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเพิ่มเติมผ่านรายการ คืนความสุขให้คนในชาติ ตอนหนึ่งว่า การเดินหน้าเศรษฐกิจระยะต่อไป รัฐบาลมีนโยบายดูแลสภาพเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบ แบ่งการขับเคลื่อนเป็น 5 กลุ่ม
1. ดูแลช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพื่อประคองให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจขณะนี้ไปได้ด้วยดี
2. ดูแลเศรษฐกิจท้องถิ่นและภูมิภาคให้เข้มแข็ง ลดการพึ่งพาเพียงการส่งออก ปรับสมดุล สร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจจากภายใน เช่น ส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำกิจการเพื่อสังคม ผลิตสินค้าโอท็อปสร้างความเข้มแข็งให้วิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์ การส่งเสริมตลาดนัดชุมชน เป็นต้น
3. ยกระดับคุณภาพสินค้าผ่านการส่งเสริมการแปรรูปการทำแพคเกจให้กับสินค้าเกษตรผลิตภัณฑ์ของเอสเอ็มอี สินค้าอุตสาหกรรมต้องวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่ม คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศได้ พัฒนาบุคลากรในท้องถิ่นให้ตรงกับความต้องการ เพิ่มขีดความสามารถและองค์ความรู้แรงงาน
4. ส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆ เร่งการเจริญเติบโตไปสู่ภูมิภาค
5. ในด้านการต่างประเทศ ส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน รักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ด้านกระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาแล้ว นายสมคิดเห็นด้วยกับ 3 มาตรการที่คลังเสนอ วงเงินรวมกันประมาณ 1.1 แสนล้านบาท เร่งรัดภายใน 3 เดือน
มาตรการที่ 1 การปล่อยกู้รากหญ้าดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 2 ปี ผ่านกลไกของกองทุนหมู่บ้าน ให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระยะเวลาปล่อยกู้ 5 ปี แต่ 2 ปีแรกดอกเบี้ย 0% เนื่องจากรัฐบาลจ่ายดอกเบี้ยแทน คิดเป็นเงินชดเชยดอกเบี้ยประมาณปีละ 1,100 ล้านบาท หรือ 2 ปี 2,200 ล้านบาท ส่วนปีที่ 3-5 นั้น ธนาคารทั้ง 2 แห่งคิดอัตราดอกเบี้ยตามต้นทุน กองทุนหมู่บ้านนำเงินปล่อยกู้ต่อให้ชาวบ้านต้องเป็นไปตามระเบียบของกองทุนฯ กระทรวงการคลังหารือแล้วว่าจะต้องไม่นำไปรีไฟแนนซ์หนี้เดิม เพื่อให้เงินดังกล่าวถูกนำมาใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
มาตรการที่ 2 เป็นของกระทรวงมหาดไทย จัดสรรเงินให้ตำบลละ 5 ล้านบาท กว่า 7,000 ตำบล วงเงินกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท จะนำไปดำเนินโครงการเกี่ยวกับการซ่อมสร้างอาคารสถานที่ ขุดบ่อน้ำ สร้างตึกที่ตำบลแต่ละแห่งต้องการ และต้องเสนอโครงการเข้ามา งบส่วนนี้สำนักงบประมาณจะจัดสรรดูแล มาตรการที่ 3 เร่งรัดเบิกจ่ายโครงการลงทุนขนาดเล็ก วงเงินลงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท ในงบประมาณประจำปี 2559 ให้ได้ภายใน 3 เดือนสุดท้ายของปี 2558 เท่าที่ดูวงเงินอย่างละเอียดพบว่ามีงบอยู่ 1.6 หมื่นล้านบาท
เป็นนโยบายดีๆที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างกว้างขวาง ที่ผ่านมา ผมก็เชื่อว่า การบริหารบ้านเมืองนั้น จะต้องเน้นการสร้างชาติให้เข้มแข็ง โดยเริ่มตั้งแต่การช่วยเหลือคนยากคนจน เกษตรกรกระดูกสันหลังของชาติ
แต่สิ่งที่สำคัญคือ “การช่วยเหลือคนยากจนนั้น ไม่ต้องผสมการ การโกง หรือ การทุจริต แต่อย่างใด” และ “การช่วยเหลือคนยากจน ก็ถือว่าทำต่อเนื่องกันมาทุกรัฐบาล ไม่ใช่ผูกขาดเฉพาะคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด”
โดยผู้ที่ทรงช่วยเหลือประชาชนผู้ยากจนมาตลอด คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินี ทั้งเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ พัฒนาการเกษตร พัฒนาศิลปาชีพ โครงการฝนเทียม ฯลฯ ทรงเป็นแบบอย่างอย่างดีเสมอมา
สมัยรัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ก็ได้สร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมไทย มีการจ้างงานดีๆจำนวนมาก ทำให้ไทยเข้มแข็ง แข่งขันได้ในเวทีโลก มาตลอดหลายสิบปี
การแปลงสนามรบเป็นสนามการค้า สมัย พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ก็ช่วยส่งเสริมการค้าชายแดนอย่างดี
หลังวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 รัฐบาลนายกฯ ชวน หลีกภัย โดยมีมือเศรษฐกิจคือ นาย ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ และ ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ ได้มีโครงการเงินกู้มิยาซาวา มีโครงการเล็กๆกระจายอย่างกว้างขวาง การฟื้นฟูสถาบันการเงินให้ผ่านวิกฤตมาเป็นที่พึ่งพาให้กับประชาชน รวมทั้งคนยากจน และกิจการขนาดเล็กมากมาย ตามกลไกอย่างเข้มแข็ง เป็นรัฐบาลที่ทำให้ประเทศพ้นวิกฤตครั้งหนักที่สุดของประเทศครั้งหนึ่งได้สำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้รัฐบาลมีฐานะการเงินที่เข้มแข็ง
สมัย รัฐบาลนายก ทักษิณ ชินวัตร ด้วยการแก้ไขเศรษฐกิจพ้นวิกฤตมาก่อนหน้านั้น ทำให้ฐานะการเงินของรัฐดีขึ้น ก็มีโครงการต่างๆออกมาช่วยเหลือประชาชนได้มากมาย เช่น โครงการกองทุนหมู่บ้าน ประกันสุขภาพ 30 บาท OTOP การกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้ ได้ต่อยอดการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
สมัยนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ต้องแก้ปัญหาผ่านวิกฤตการเงินโลก ก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วหนึ่งในห้า รัฐมนตรีคลัง คุณ กรณ์ จาติกวนิช ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีโลกแห่งปี โครงการเช็คช่วยชาติ โครงการประกันรายได้เกษตรกร โครงการไทยเข้มแข็งต่างๆ ก็เป็นรากฐานฟื้นฟูเศรษฐกิจตั้งแต่ผู้มีรายได้น้อยอย่างมากมาย
โครงการดีๆเหล่านี้ ผมเห็นแล้วชื่นใจมาทุกยุคทุกสมัย และย่อมดี ถ้าไม่มี “การโกง” หรือ “การทุจริต” เพราะนั่นมักจะเป็นการสร้างภาระให้แผ่นดินทั้งสิ้น เราไม่ควรคิดแต่จะใช้เงินในยุคนี้ บนภาระที่ทิ้งไว้ให้กับลูกหลานรุ่นต่อไป
ในฐานะคนที่มาจากครอบครัวที่เกือบยากจน สมัยพ่อแม่ยากจน ผมถือว่าโชคดีที่เป็นคนไทย เป็นเมืองแห่งเสรีภาพ มีการสนับสนุนคนจนให้มีความรู้ความสามารถดีขึ้น เข้มแข็งขึ้น ฐานะดีขึ้น ไม่ควรให้ใครกล่าวอ้างว่า “ไม่เคยมีใครเหลียวแลคนจน” ทุกคนจึงควรรักกัน ไม่มีการแบ่งแยก คนจนที่เข้มแข็งขึ้น มุมานะมากขึ้น เหมือนรุ่นพ่อแม่ผม ส่งลูกเรียน สอนลูกทำงานเข้มแข็ง ลูกๆก็มีฐานะดีขึ้นได้ เช่นเดียวกับทุกๆคน จะจน จะรวย เราก็ยังเป็นพี่น้องคนไทยเหมือนกัน
ทุกคนคือพี่น้องไทย รับพระคุณแผ่นดินไทยเหมือนกัน จึงควรรู้รักสามัคคีกัน ช่วยเหลือกันตลอดไปครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)