คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
CEO กองทุนบัวหลวง
ตลาดหุ้นได้ซึมซับข่าวร้ายไปมากแล้วทั้งปัจจัยภายนอก (วิกฤตหนี้กรีซ เศรษฐกิจจีนชะลอตัว กับการที่ FED น่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้) และปัจจัยภายในประเทศ (ปรับลดการส่งออก ลด GDP growth, NPL, ภัยแล้ง) โดยสะท้อนผ่านการลด Earnings ของ SET ในปีนี้ถึง 10.4% จึงเชื่อว่าต่อไปจากนี้แม้ Earnings จะยังคงปรับลดแต่ก็จะชะลอลง (ไตรมาส 1 ปรับลด 7.4% แต่ไตรมาส 2 ปรับลด 3.0%) และเนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่ (Positive surprise) จึงคาดว่าตลอดช่วงที่เหลือของปีตลาดหุ้นยัง Sideways ในช่วงแคบๆ (ไปไม่ถึงไหน ไม่ได้อย่างใจผู้ลงทุน)
หากมองเชิงมหภาคหรือภาพรวม ตลาดหุ้นไทยก็ไม่น่าสนใจเท่าไรนัก แต่ถ้าพิจารณาเป็นรายอุตสาหกรรมและรายบริษัทแล้ว การลดลงของราคาหุ้นบางตัวกลับทำให้ Valuation เริ่มน่าสนใจ ซึ่งเป็นโอกาสของนักลงทุนระยะยาวที่จะทยอยเก็บของ แต่ต้องเป็นนักลงทุนที่สามารถทนกับความผันผวนช่วงนี้
การกระจายการลงทุน (Diversification) จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ดี รวมถึงกำหนด Asset Allocation และ Rebalance หรือ Reshuffle น้ำหนักการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ความเสี่ยง และผลตอบแทนที่นักลงทุนแต่ละคนจะยอมรับได้ เพราะในภาวะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลง การถือเงินสดหรือสภาพคล่องที่เทียบเท่าจะเป็นโอกาสอันดีที่จะมีเงินไว้ซื้อหุ้นที่มีคุณภาพในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าเป้าหมาย
นอกจากการลงทุนแล้วก็ควรคำนึงถึงการวางแผนและเข้าใจความจำเป็นการออมในระยะยาวเพื่อวางแผนยามเกษียณ โดยสามารถลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA-Dollar Cost Averaging) ที่ลงทุนเป็นงวด งวดละเท่าๆ กัน อย่างสม่ำเสมอ
กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ และกลุ่มที่พึงระวังในช่วงที่เหลือของปีนี้
อุตสาหกรรมที่น่าสนใจ
- ธุรกิจที่เติบโตไปกับการขยายตลาด AEC
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ (Aging society)
- ธุรกิจบริการ เช่น กลุ่มขนส่ง กลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก สื่อสาร (สะท้อนได้จากภาคเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ว่าธุรกิจบริการมีบทบาทต่อเศรษฐกิจมากขึ้น จาก 49% เป็น 54% ของ GDP)
อุตสาหกรรมที่ต้องระวัง
- กลุ่มสินค้าเกษตร เนื่องจากภัยแล้ง เศรษฐกิจชะลอ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
/// “บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเผยแพร่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์คืนวันที่ 17 ส.ค. 2558”////