คปภ.เผยยอดกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรายย่อย หรือไมโครอินชัวรันซ์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 มียอดกรมธรรม์ที่ยังมีผลบังคับจำนวนทั้งสิ้น 533,359 ฉบับ พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์เพิ่มเป้า 1 ล้านฉบับในปีนี้
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ภาพรวมกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันซ์) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ของธุรกิจประกันภัย มียอดกรมธรรม์ที่ยังมีผลบังคับจำนวนทั้งสิ้น 533,359 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 53.3 ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1 ล้านฉบับ ภายในปี 2558 จากธุรกิจประกันชีวิต 59,162 ฉบับ ธุรกิจประกันวินาศภัย 370,928 ฉบับ และกรมธรรม์ประกันภัย 200 จำนวน 103,269 ฉบับ เบี้ยประกันภัย 20.65 ล้านบาท และมีค่าสินไหมทดแทนต่อเบี้ยประกันภัยรับร้อยละ 38.06
ส่วนจังหวัดที่มียอดจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัย 200 สูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอุดรธานี ซึ่งครึ่งปีหลังสำนักงาน คปภ. และบริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการฯ ทั้ง 23 บริษัทต้องร่วมมือกันเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ ความเข้าใจ และประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำประกันภัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันซ์) และกรมธรรม์ประกันภัย 200 ให้แก่กลุ่มผู้ใช้แรงงานตามโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในระดับต่างๆ ตั้งแต่ระดับจังหวัดลงมาถึงระดับตำบล และคาดว่าครึ่งปีหลังการเกิดภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วงจะเข้าสู่ภาวะปกติ ประชาชนคลายความกังวลในการประกอบอาชีพ ก็จะกลับมาให้ความสำคัญต่อระบบประกันภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของคนในครอบครัวหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งจะทำให้ยอดกรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันซ์) เติบโตขึ้น
นายประเวช กล่าวต่อว่า ปัจจุบันธุรกิจประกันภัยมีการพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันซ์) เพิ่มขึ้นหลากหลาย เช่น การประกันภัยแบบสะสมทรัพย์ การประกันภัยแบบชั่วระยะเวลา การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล การประกันภัยแบบค่าชดเชยรายวัน การประกันภัยข้าวนาปี การประกันอัคคีภัย การประกันภัยการเดินทาง และการประกันภัยโรคร้ายแรง เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันซ์) ซึ่งเป็นกรมธรรม์ที่มีอัตราเบี้ยประกันภัยต่ำ เงื่อนไขกรมธรรม์ไม่ซ้ำซ้อนเข้าใจง่าย ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายตามช่องทางการจำหน่ายที่สำนักงาน คปภ.ได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิสที่ร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่นอีเลฟเว่น เทสโก้โลตัส และไปรษณีย์ไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ภาพรวมกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันซ์) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ของธุรกิจประกันภัย มียอดกรมธรรม์ที่ยังมีผลบังคับจำนวนทั้งสิ้น 533,359 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 53.3 ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1 ล้านฉบับ ภายในปี 2558 จากธุรกิจประกันชีวิต 59,162 ฉบับ ธุรกิจประกันวินาศภัย 370,928 ฉบับ และกรมธรรม์ประกันภัย 200 จำนวน 103,269 ฉบับ เบี้ยประกันภัย 20.65 ล้านบาท และมีค่าสินไหมทดแทนต่อเบี้ยประกันภัยรับร้อยละ 38.06
ส่วนจังหวัดที่มียอดจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัย 200 สูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอุดรธานี ซึ่งครึ่งปีหลังสำนักงาน คปภ. และบริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการฯ ทั้ง 23 บริษัทต้องร่วมมือกันเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ ความเข้าใจ และประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำประกันภัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันซ์) และกรมธรรม์ประกันภัย 200 ให้แก่กลุ่มผู้ใช้แรงงานตามโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในระดับต่างๆ ตั้งแต่ระดับจังหวัดลงมาถึงระดับตำบล และคาดว่าครึ่งปีหลังการเกิดภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วงจะเข้าสู่ภาวะปกติ ประชาชนคลายความกังวลในการประกอบอาชีพ ก็จะกลับมาให้ความสำคัญต่อระบบประกันภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของคนในครอบครัวหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งจะทำให้ยอดกรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันซ์) เติบโตขึ้น
นายประเวช กล่าวต่อว่า ปัจจุบันธุรกิจประกันภัยมีการพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันซ์) เพิ่มขึ้นหลากหลาย เช่น การประกันภัยแบบสะสมทรัพย์ การประกันภัยแบบชั่วระยะเวลา การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล การประกันภัยแบบค่าชดเชยรายวัน การประกันภัยข้าวนาปี การประกันอัคคีภัย การประกันภัยการเดินทาง และการประกันภัยโรคร้ายแรง เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันซ์) ซึ่งเป็นกรมธรรม์ที่มีอัตราเบี้ยประกันภัยต่ำ เงื่อนไขกรมธรรม์ไม่ซ้ำซ้อนเข้าใจง่าย ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายตามช่องทางการจำหน่ายที่สำนักงาน คปภ.ได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิสที่ร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่นอีเลฟเว่น เทสโก้โลตัส และไปรษณีย์ไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th