อลิอันซ์ อยุธยา ปรับกลยุทธ์ทีมขาย เจาะกลุ่มตลาดกลาง-บน เพิ่มสัดส่วนสิ้นปีนี้เป็น 29% พร้อมสร้างทัพตัวแทนขาย 15,000 คน พร้อมตั้งเป้าเบี้ยประกันปีแรก 2,200 ล้านบาท เติบโต 16%
นายวิทยา ชาญพานิชย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า เนื่องจากในปีนี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้การทำตลาดประกันประเภทออมทรัพย์ การันตีผลตอบแทนทำตลาดได้ยาก ขณะที่กำลังซื้อชะลอตัว ทำให้ลูกค้ามีเงินเหลือจะเอาไปลงทุนด้านอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
อย่างไรก็ตาม จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลความต้องการกับลูกค้า บริษัทยังพบว่าลูกค้ายังมีความต้องการด้านความคุ้มครอง โดยเฉพาะการดูแลค่ารักษาพยาบาลและอุบัติเหตุ ดังนั้น ในช่องทางการขายผ่านตัวแทนจึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทำตลาด กระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ด้านความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพแบบใหม่เป็นหลัก จับกลุ่มตลาดกลางและบน ตั้งเป้าหมายภายในปีนี้จะเป็นผู้นำด้านความคุ้มครอง มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 29% จากปีก่อนมีสัดส่วน 27% และปี 2556 ที่ 21%
ทั้งนี้ยังเน้นการเพิ่มตัวแทนคุณภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตเบี้ยรับโดยรวม หลังจากนี้จะประเมินผลการทำงานของตัวแทน หากไม่มีความเคลื่อนไหวเกิน 6 เดือนจะให้โอกาสทำงานใหม่ ก่อนจะตัดสัญญาเพื่อสร้างทีมงานตัวแทนคนรุ่นใหม่ทดแทน จะชัดเจนภายในมิถุนายนนี้ รวมถึงพัฒนาทักษะฝ่ายขายและการบริหารทีม ล่าสุดภายใต้โครงการ Social Media for Sales เพื่อสนับสนุนการขาย ปัจจุบันมีฝ่ายขายที่สนใจและมีศักยภาพในการใช้โซเชียลมีเดียเข้าร่วมโครงการ 22 คน สามารถสร้างเบี้ยประกันได้กว่าล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มฝ่ายขายเข้าโครงการจาก 22 คน เป็น 100 คนในปีนี้ นอกจากนี้จะยกระดับการบริหารงานของผู้ดูแลพื้นที่ โดยมีการแบ่งเขตการทำงานทั่วประเทศเป็น 8 พื้นที่
ขณะเดียวกัน ปีนี้ตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนตัวแทนมืออาชีพเป็น 15,000 คน หรือเติบโต 20% ต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 12,700 คน มีจำนวนลูกค้าต่อตัวแทนต่อเดือนเฉลี่ย 3.1% มีอัตราตัวแทนทำงาน 25% และมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ผ่านช่องทางตัวแทนสูงถึง 78-79% ถือว่ายังสูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีอัตราตัวแทนทำงานที่ 20%และอัตราความคงอยู่กรมธรรม์ที่ 60% ขณะที่เบี้ยประกันเฉลี่ยของลูกค้าต่อราย 25,000 บาท ยังถือว่าสูงกว่าอุตสาหกรรมอยู่ที่เฉลี่ย 10,000 กว่าบาท
“มั่นใจว่าสิ้นปีนี้ช่องทางตัวแทนจะสามารถสร้างเบี้ยประกันภัยรับปีแรกได้ตามเป้า 2,200 ล้านบาท เติบโต 16% หลังจากไตรมาสแรกที่ผ่านมามีเบี้ยรับประกันปีแรกยังเติบโต 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีจำนวนตัวแทนทำงานเพิ่มขึ้น 10%”
นายวิทยา ยังกล่าวว่า จากเป้าหมายทั้งปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีเบี้ยรับรวม 29,000 ล้านบาท เติบโต 9% ผ่านช่องทางตัวแทน 15,000 บาท เติบโต 6%, ช่องทางขายผ่านธนาคาร 8,100 ล้านบาท เติบโต 14% และช่องทางขายตรง 5,100 ล้านบาท เติบโต 13% และสามารถสนับสนุนให้บริษัทสู่ท็อป 3 ภายในปี 2560 ได้อย่างแน่นอน
นายวิทยา ชาญพานิชย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า เนื่องจากในปีนี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้การทำตลาดประกันประเภทออมทรัพย์ การันตีผลตอบแทนทำตลาดได้ยาก ขณะที่กำลังซื้อชะลอตัว ทำให้ลูกค้ามีเงินเหลือจะเอาไปลงทุนด้านอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
อย่างไรก็ตาม จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลความต้องการกับลูกค้า บริษัทยังพบว่าลูกค้ายังมีความต้องการด้านความคุ้มครอง โดยเฉพาะการดูแลค่ารักษาพยาบาลและอุบัติเหตุ ดังนั้น ในช่องทางการขายผ่านตัวแทนจึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทำตลาด กระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ด้านความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพแบบใหม่เป็นหลัก จับกลุ่มตลาดกลางและบน ตั้งเป้าหมายภายในปีนี้จะเป็นผู้นำด้านความคุ้มครอง มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 29% จากปีก่อนมีสัดส่วน 27% และปี 2556 ที่ 21%
ทั้งนี้ยังเน้นการเพิ่มตัวแทนคุณภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตเบี้ยรับโดยรวม หลังจากนี้จะประเมินผลการทำงานของตัวแทน หากไม่มีความเคลื่อนไหวเกิน 6 เดือนจะให้โอกาสทำงานใหม่ ก่อนจะตัดสัญญาเพื่อสร้างทีมงานตัวแทนคนรุ่นใหม่ทดแทน จะชัดเจนภายในมิถุนายนนี้ รวมถึงพัฒนาทักษะฝ่ายขายและการบริหารทีม ล่าสุดภายใต้โครงการ Social Media for Sales เพื่อสนับสนุนการขาย ปัจจุบันมีฝ่ายขายที่สนใจและมีศักยภาพในการใช้โซเชียลมีเดียเข้าร่วมโครงการ 22 คน สามารถสร้างเบี้ยประกันได้กว่าล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มฝ่ายขายเข้าโครงการจาก 22 คน เป็น 100 คนในปีนี้ นอกจากนี้จะยกระดับการบริหารงานของผู้ดูแลพื้นที่ โดยมีการแบ่งเขตการทำงานทั่วประเทศเป็น 8 พื้นที่
ขณะเดียวกัน ปีนี้ตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนตัวแทนมืออาชีพเป็น 15,000 คน หรือเติบโต 20% ต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 12,700 คน มีจำนวนลูกค้าต่อตัวแทนต่อเดือนเฉลี่ย 3.1% มีอัตราตัวแทนทำงาน 25% และมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ผ่านช่องทางตัวแทนสูงถึง 78-79% ถือว่ายังสูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีอัตราตัวแทนทำงานที่ 20%และอัตราความคงอยู่กรมธรรม์ที่ 60% ขณะที่เบี้ยประกันเฉลี่ยของลูกค้าต่อราย 25,000 บาท ยังถือว่าสูงกว่าอุตสาหกรรมอยู่ที่เฉลี่ย 10,000 กว่าบาท
“มั่นใจว่าสิ้นปีนี้ช่องทางตัวแทนจะสามารถสร้างเบี้ยประกันภัยรับปีแรกได้ตามเป้า 2,200 ล้านบาท เติบโต 16% หลังจากไตรมาสแรกที่ผ่านมามีเบี้ยรับประกันปีแรกยังเติบโต 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีจำนวนตัวแทนทำงานเพิ่มขึ้น 10%”
นายวิทยา ยังกล่าวว่า จากเป้าหมายทั้งปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีเบี้ยรับรวม 29,000 ล้านบาท เติบโต 9% ผ่านช่องทางตัวแทน 15,000 บาท เติบโต 6%, ช่องทางขายผ่านธนาคาร 8,100 ล้านบาท เติบโต 14% และช่องทางขายตรง 5,100 ล้านบาท เติบโต 13% และสามารถสนับสนุนให้บริษัทสู่ท็อป 3 ภายในปี 2560 ได้อย่างแน่นอน
