เอไลฟ์ลุยที่ปรึกษาทางการเงินเต็มสูบ ตั้งเป้าเบี้ยรวม 1,300 ล้านบาท AUM กองทุนรวมแตะ 3,000 ล้านบาท ระบุแนวโน้มประกันชีวิต และกองทุนรวมโตเพิ่ม เหตุนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อ และการวางแผนเกษียณที่ดีหลังไทยเริ่มเข้าสู่สังคมสูงวัย
นายเชาว์พันธุ์ พันธุ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัทแอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางการเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ประมาณ 20 คน และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 30 คนภายในปี 2558 โดยกลุ่มลูกค้าที่บริษัททำการขยายตลาดเพิ่มจะเป็นฐานลูกค้าเดิมที่มีศักยภาพในการวางแผนการเงินและการลงทุน ซึ่งจะมีรายได้ประมาณ 5 หมื่นบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าดังกล่าวปัจจุบันจะมีอยู่ประมาณ 5,000 รายจากฐานลูกค้าทั้งหมดของบริษัทหลายแสนราย และเบื้องต้นมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการวางแผนทางการเงินกับบริษัทแล้ว 2,500 ราย และคาดว่าจะสามารถขยายเพิ่มถึง 5,000 รายได้ในอนาคต
“เราเริ่มจากฐานลูกค้าเดิมโดยดูจากรายได้ซึ่งแต่เดิมเราตั้งไว้ที่ 7 หมื่นบาทต่อเดือนตอนนี้ก็ลดลงมา ซึ่งลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะซื้อผลิตภัณฑ์ครบทุกด้าน ทั้งเรื่องคุ้มครอง ลงทุน และประกันภัย และต่อจากนี้เราจะรุกหนักในเรื่องการวางแผนการเงิน เพราะเราเชื่อว่าไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย การวางแผนการเงินจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของคนในปัจจุบัน”
นายเชาว์พันธุ์กล่าวอีกว่า สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถทำเบี้ยรับรวมได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท จากเดิมในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,180 ล้านบาท แบ่งเป็นช่องทางลูกค้าที่มีความมั่งคั่ง 60% เทเลมาร์เกตติ้ง 40% นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจะสามารถทำสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารสำหรับลูกค้ากองทุนรวมที่บริษัทขายได้ขึ้นมาอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท
“ในส่วนของธุรกิจประกันนั้นเราเชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้ดีเพราะปัจจุบันคนไทยมีการประกันชีวิตแค่ 35% ของจำนวนประชากรเท่านั้นทำให้ยังมีโอกาสอยู่อีกมาก ส่วนกองทุนรวมเองมีแนวโน้มโตขึ้นทุกปีเพราะนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบัน และเราเองก็คาดว่าในส่วนของกองทุนนั้นภายใน 5 ปีจะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารได้ถึง 5 พันล้านบาท”นายเชาว์พันธุ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นอกจากการเพิ่มจำนวนที่ปรึกษาและขยายช่องทางการขายแล้ว บริษัทได้มีการลงทุนเพิ่มในระบบงานด้านไอทีอีกประมาณ 150 ล้านบาท เพื่อเสริมการให้บริการอย่างครบวงจร และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่อิงกับเทคโนโลยีและสังคมออนไลน์มากขึ้น